FAR CRY 5 : บทสรุปเควส The Warrant


"สัญญาการเชื่อมต่อได้ขาดหายไป"

ตัวอักษรคำเบื้อเริ่มที่ขึ้นมาอยู่กลางหน้าจอของโทรศัพท์มือถือที่ตัวเอกได้ถืออยู่นั้นเป็นเครื่องหมายอันดีที่บ่งบอกได้ชัดว่ามันเป็นคนปิดคลิปวิดีโอที่ถ่ายภาพของลัทธิอันป่าเถื่อนที่ตัวเอกได้รับชมอยู่เมื่อสักครู่นี้ ที่มุมซ้ายของหน้าจอมือถือมีเวลาเขียนเอาไว้ว่าบัดนี้นั้นเป็นเวลาตี 2 : 36 นาที ซึ่งถือว่ายังคงเป็นเวลาที่ดึกดื่นเกินไปที่จะมานั่งรับชมคลิปสยองขวัญอะไรในท่ามกลางเวลาแบบนี้

"เฮ้... เด็กใหม่ เจ้าเด็กใหม่!" เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น จนทำให้ตัวเอกนั้นต้องลดมือถือที่ไม่มีสัญญาณและเอามันเก็บใส่กระเป๋าเสื้อไป เมื่อตัวเอกได้เงยหน้าขึ้นอยู่ก็พบว่าคนที่พูดเมื่อครู่นั้นเป็นชายที่ดูแล้วมีอายุอานามหน่อย เขามีผมสีบลอนด์ที่ยาวระถึงต้นคอ ชายคนนั้นสวมเสื้อแขนยาวสีเขียวเข้มและบนตัวเสื้อนั้นก็มีการปักเครื่องหมายต่างๆนาๆอยู่ อีกทั้งตัวเสื้อบนหน้าอกของเขาก็มีชื่อปักไว้อย่างชัดเจนว่า Earl Whitehorse (เอิร์ล ไวต์ฮอร์ส) และดูจากดวงตาสีเขียวภายใต้แว่นสายตาเลนส์โตของเขาที่หันมามองตัวเอกแล้ว การที่เขาพูดขึ้นมาว่าเจ้าเด็กใหม่นั้นคือการพูดกับตัวเอกแน่นอน

"เสียเวลาของนายเปล่าน่า พื้นที่แถวนี้ไม่มีสัญญาณให้นายใช้เน็ตมือถือหรอก" ไวต์ฮอร์สกล่าวเสริมท้าย

ดูจากบรรยากาศโดยรอบและการสั่นสะเทือนของที่นั่งแล้ว ตอนนี้ตัวนั้นได้นั่งโดยสารเฮลิค๊อปเตอร์อยู่ และดูเหมือนว่าจุดหมายที่เป็นเป้าหมายลงจอดนั้นอาจจะมีความกดดันมาก เพราะทุกคนที่นั่งอยู่ในเฮลิค๊อปเตอร์ด้วยกันกับตัวเอกนั้นก็ทำสีหน้าเคร่งเครียดกันเต็มที่

และเมื่อถูกเจ้านายตำหนิเล็กๆน้อยๆไปแล้ว ตัวเอกก็ได้หันหน้ากลับมามองยังบุคคลที่นั่งอยู่ด้านหน้าของเขาอีกครั้ง ชายคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าของตัวเอกก็ได้ละสายตาจากเอกสารที่เขาอ่านอยู่เมื่อครู่และหันมามองตัวเอกตอบ ชุดเสื้อผ้าที่ชายคนนี้สวมอยู่นั้นดูต่างออกไปจากทุกคนที่นั่งอยู่บนเฮลิค๊อปเตอร์ เพราะเขาสวมชุดสีดำเข้มทั้งตัว เสื้อเชิ้ตที่ถูกพับแขนขึ้นมาถึงข้อศอกถูกสวมทับด้วยเสื้อเกราะกันกระสุนตัวหนาที่มีเขียนไว้ด้านหน้าว่า U.S.Marshal อีกที เมื่อเขามองตัวเอกจนพอใจแล้วจึงได้ละสายตาไปจดจ้องอยู่ที่ใบกระดาษที่เขาถืออยู่เช่นเดิม

"ตอนนี้เราเข้ามาในเขต Henbane กันแล้วนะครับ" เสียงของชายอีกคนหนึ่งที่กำลังควบคุมเฮลิค๊อปเตอร์ลำนี้อยู่ได้พูดขึ้นมา เมื่อทุกคนได้ยินกันดังนั้นจึงได้ละสายตาจากสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ และหันหน้าออกไปมองบรรยากาศโดยรอบที่อยู่นอกเฮลิค๊อปเตอร์ในทันที

ภาพที่ตัวเอกได้เห็นอยู่ในตอนนี้นั้นทำให้เขาตกใจไม่น้อย เพราะสิ่งที่เขาได้เห็นนั้นคือรูปแกะสลักเต็มตัวขนาดใหญ่ของโจเซฟหัวหน้าลัทธิที่แสนจะสยองขวัญที่ตัวเอกได้รู้จักผ่านทางคลิปวิดีโอเมื่อสักครู่นี้ตั้งตระง่านอยู่กลางหุบเขา ขนาดของรูปแกะสลักนั้นมันใหญ่โตมากซะจนสูงทะลุผ่านม่านหมอกที่อยู่ด้านล่าง

"แม่งเอ๊ย นั่นเขาไง" เสียงของหญิงคนหนึ่งพูด ดูท่าแล้วน่าจะเป็นเสียงของหญิงที่นั่งอยู่ข้างกับชายคนขับเฮลิค๊อปเตอร์ลำนี้

"แม่งบ้าไปแล้วแน่ๆ" ชายคนขับเฮลิค๊อปเตอร์พูดขึ้นบ้าง

"คุณพระช่วย..." ไวต์ฮอร์สสบถตาม

"เรากำลังเข้ามาในเขตแดนของพวก Peggie (เพ็กกี้) กันจริงๆแล้วนะ" หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆกับชายที่เป็นคนขับเฮลิค๊อปเตอร์หันมาพูดบอกกับไวต์ฮอร์ส

และเมื่อได้ยินดังนั้น ชายคนที่สวมชุดที่มีเขียนไว้ว่า U.S.Marshal จึงได้หันไปถามไวต์ฮอร์สบ้าง "อีกนานแค่ไหนกว่าจะถึงที่หมายล่ะ?"

"ก็นานพอที่พวกเราจะเปลี่ยนใจทันกันนั่นแหละครับ เพราะงั้นตอนนี้ก็ยังหันเฮลิค๊อปเตอร์กลับไปบ้านทันอยู่นะ" ไวต์ฮอร์สตอบชายที่สวมชุด Marshal ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เบื่อหน่าย เป็นนัยๆว่าเขาเองก็ไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่


"นี่คุณจะบอกให้ผมไม่ต้องสนใจกับหมายจับจากรัฐบาลกลางฉบับนี้งั้นเหรอครับ คุณนายอำเภอ?" ชายที่สวมชุด Marshal ยกกระดาษที่เขาอ้างว่าเป็นหมายจับขึ้นมาให้ไวต์ฮอร์สได้เห็น 

"เปล่าครับ ผมก็แค่อยากจะให้คุณเข้าใจความเป็นจริงของสถานการณ์นี้ก่อนว่า โจเซฟ ซีด เขาไม่ใช่คนธรรมดาที่เราจะสามารถเข้าไปกวนประสาทเขาได้ง่ายๆนะ จริงอยู่ที่ว่าเราต้องจัดการกับเขาก่อนที่เขาจะหลบหนีไป" ไวต์ฮอร์สเว้นจังหวะการพูด "แต่ว่าบางที... บางทีมันก็จะดีกว่าล่ะนะถ้าปล่อยให้ไอ้คนแบบนี้อยู่ของมันไปตามปกติ" 

"แหม...ก็นะ" ชายที่สวมชุด Marshal พูดขึ้นบ้าง "แต่เราก็มีกฎหมายเอาไว้เพื่อการนี้นั่นล่ะ คุณนายอำเภอ แล้วไอ้เจ้าโจเซฟ ซีด มันก็ต้องเรียนรู้เรื่องนี้ด้วย ว่าตัวมันเองจะมาใหญ่กว่ากฎหมายได้ยังไง" 

เมื่อไวต์ฮอร์สได้ยินตามนั้น เขาก็ไม่ได้พูดหรือว่าเถียงอะไรกับชายที่สวมชุด Marshal ออกไป เพียงแต่ว่าไวต์ฮอร์สนั้นได้นิ่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า 

"Pratt (แพร็ตต์)" ชายคนขับเฮลิค๊อปเตอร์ลำนี้หันมามองไวต์ฮอร์ส "ต่อสายตรงไปยัง Dispatch ให้หน่อยสิ"

"ได้เลยครับ" ชายคนขับเฮลิค๊อปเตอร์หรือแพร็ตต์นั้นได้หันมาตอบกลับแก่ไวต์ฮอร์สเบาๆ ไม่นานนักมือซ้ายของแพร็ตต์ก็เอื้อมไปกดแผงควบคุมอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหน้าของเขา 

"นี่ไวต์ฮอร์สถึง Dispatch นะ เปลี่ยน" 

"ว่ามาได้เลยค่ะ เอิร์ล" เสียงต้นสายที่ดูแล้วผู้พูดน่าจะเป็นหญิงสาวได้ตอบกลับออกมา 

"เราใกล้จะถึงที่หมายแล้วนะ Nancy (แนนซี่) เปลี่ยน" 

"เข้าใจแล้วค่ะท่าน ตกลงว่าท่านจะยังคงทำตามแผนเดิมอยู่ใช่ไหมคะ? เปลี่ยน" แนนซี่ตอบกลับมา 

"แน่นอน -- น่าเสียดายนะ -- ก็แบบว่า...ฉันพยายามที่จะอธิบายเหตุผลแล้ว แต่คุณ Marshal เพื่อนของเราก็ยังคงยืนยันที่จะทำตามแผนเดิม" ไวต์ฮอร์สตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าเบื่อหน่ายเหมือนเดิม 

"ตกลงค่ะ... เขาโชคดีนะที่ว่าฉันไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย ถ้าคุณมีปัญหาอะไรล่ะก็แจ้งให้ฉันทราบได้เลยนะคะ เปลี่ยน" แนนซี่ตอบกลับมาเช่นเคย

"ทราบแล้ว ขอตัดสายก่อนนะ" ไวต์ฮอร์สตอบกลับไปเป็นเชิงยกเลิกการสนทนาระหว่างเขากับแนนซี่ไปในทันที สักพักแพร็ตต์ก็ได้กลับไปกดสำรวจที่แผงควบคุมที่อยู่ด้านหน้าของเขาเหมือนเดิม แต่มีบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากตอนแรก คือชายหนุ่มนั้นได้หันไปคุยทำท่าคุยกระซิบกระซาบอะไรกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆกับเขาด้วย 


"บางทีเราน่าจะพายัยแนนซี่ให้เดินทางมากับเราด้วยนะ เอามาแทนที่เจ้าหน้าใหม่เนี่ย ฉันมั่นใจเลยว่าไอ้เจ้าพวกเพ็กกี้ไม่กล้าแตะต้องยัยนั่นแน่นอน" แพร็ตต์กล่าว เขาทำท่ายกมือประกอบด้วย ซึ่งคำที่ว่าเจ้าหน้าใหม่ที่เขาเอ่ยถึงนั้นจะต้องหมายถึงตัวเอกแน่นอน 

"แพร็ตต์!" หญิงสาวที่เป็นคู่สนทนาของแพร็ตต์กล่าวเป็นเชิงตำหนิเขา 

ด้วยความที่ได้ยินชื่อเรียกว่า 'เพ็กกี้' มาอยู่หลายครั้ง ชายในชุด Marshal จึงได้สงสัยว่าคำนี้มันมีที่มายังไงกันแน่ เขาเลยหันไปสอบถามกับแพร็ตต์ว่า "ทำไมนายถึงไปเรียกไอ้เจ้าพวกคลั่งลัทธินี้ว่าพวกเพ็กกี้ล่ะ?"

"มันมีที่มามาจากคำว่า Project at Eden's Gate น่ะครับ หรือเรียกย่อๆว่า P.E.G -- เพราะงั้นพวกที่คลั่งลัทธินั่นเราเลยเรียกกันว่าพวก "Peggies" (เพ็กกี้) ไง แล้วนี่ก็เป็นชื่อที่พวกคนท้องถิ่นใช้เรียกพวกนี้ด้วยน่ะ" ไวต์ฮอร์สตอบกลับชายในชุด Marshal แทนแพร็ตต์ เขาเว้นจังหวะในการพูดไประยะหนึ่ง "คุณรู้ไหม ไอ้เจ้าพวกนี้น่ะ เมื่อหลายปีก่อนมันก็ไม่น่ากลัวเท่าไหร่หรอก แต่ในตอนนี้ พวกมันมีอาวุธครบมือไว้ใช้ในการสู้รบ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นพวกกระหายการใช้ความรุนแรงเลยล่ะ" 

เมื่อได้ยินดังนั้น ชายในชุด Marshal จึงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะหันไปมองหน้าไวต์ฮอร์สและพูดขึ้นมาว่า "คุณกำลังกลัวอยู่งั้นเหรอครับ?" 

ไวต์ฮอร์ตมองหน้าเขาตอบ แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบหรือพูดอะไรออกไป แพร็ตต์ที่เป็นคนขับเฮลิค๊อปเตอร์ก็ได้พูดเตือนขึ้นมาว่า "เรามาถึงกันแล้วนะครับ ฐานที่มั่นของพวกมันอยู่ข้างล่างของเรานี่เอง"

เมื่อตัวเอกได้ยินดังนั้น เขาจึงมองออกไปทางหน้าต่างของเฮลิค๊อปเตอร์อีกครั้ง ภาพที่เขาได้เห็นท่ามกลางความมืดในตอนนี้ก็คือชุมชนขนาดย่อมๆที่มีโบสถ์ขนาดกลางหลังหนึ่งตั้งอยู่เด่นเป็นตระง่าน 

"โอ้... พระเจ้า" แพร็ตต์อุทานออกมาเมื่อได้เห็นสภาพของที่หมาย

"นี่มันเป็นความคิดที่แย่มากเลยนะ" หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างแพร็ตต์พูดขึ้นมาบ้าง 

"โอกาสสุดท้ายแล้วนะครับ คุณ Marshal" ไวต์ฮอร์สหันไปบอกกับชายในชุด Marshal ฟังจากคำถามแล้ว ถ้าเขาคนนี้จะเอายังไง ไวต์ฮอร์สก็คงจะทำตามเช่นเดียวกัน

ชายในชุด Marshal นิ่งเงียบไปอีกครั้ง เขาสูดลมหายใจลึกๆเข้าไป ก่อนที่จะพูดออกมาว่า "เราจะยังคงทำตามแผนเดิม" 

"เอาเฮลิค๊อปเตอร์ลงได้เลย แพร็ตต์" ไวต์ฮอร์สออกคำสั่งให้แก่แพร็ตต์ 

"เข้าใจแล้วครับ" 


ในขณะที่เฮลิค๊อปเตอร์ที่พวกเขาโดยสารมานั้นกำลังร่อนลงจอที่พื้นดินอยู่อย่างช้าๆ ตัวเอกก็ได้หันกลับไปมองที่บรรยากาศภายนอกอีกครั้ง บัดนี้เขาได้เห็นสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของชุมชนที่มีแต่พวกเพ็กกี้อยู่อย่างชัดเจน มันดูไม่น่าไว้ใจและเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ชวนอึดอัดเป็นอย่างมาก ทั้งพวกกลุ่มคนติดอาวุธที่เดินกันไปมาอย่างแน่นขนัด บวกเข้ากับบรรยากาศอึมครึมในตอนกลางคืน ดูจากสภาพแล้วก็ไม่น่าจะเป็นสถานที่ๆเชิญชวนให้คนนอกอย่างพวกเขาเข้ามาเดินเยี่ยมชมกันเลยสักนิด 

"Dispatch คุณยังอยู่ที่นั่นไหม?" ไวต์ฮอร์สกล่าว เขาโทรติดต่อหาแนนซี่อีกครั้ง 

"ยังอยู่ค่ะ ว่ามาได้เลยค่ะท่าน" 

"หลังจากนี้ถ้าคุณไม่ได้รับการติดต่อจากพวกเราไปมากกว่า 15 นาทีล่ะก็ คุณก็เรียกเจ้าพวก National Guard ให้มาจัดการกับเรื่องนี้แทนพวกเราได้เลยนะ เปลี่ยน" ไวต์ฮอร์สกล่าว คำพูดของเขาดูเหมือนการสั่งลายังไงชอบกล 

แนนซี่นิ่งเงียบก่อนไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะตอบกลับออกมาว่า "ได้ค่ะหัวหน้า ฉันจะทำตามที่คุณขอค่ะ" 

เมื่อคุยตกลงกับแนนซี่เรียบร้อยแล้ว ทั้งตัวเอก , ไวต์ฮอร์ส , ชายในชุด Marshal และหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกับแพร็ตต์ก็ได้ถอดหูฟังแบบครอบหูที่เขาใส่อยู่ออก ก่อนที่ไวต์ฮอร์ตจะหันไปพูดคุยกับเหล่าสมาชิกที่ยังคงนั่งอยู่บนเฮลิค๊อปเตอร์เพื่อตกลงถึงกฎเกณฑ์ต่างๆก่อนที่จะลงมือจริง 

"เอาล่ะ ทุกคนฟังนะ ในการทำงานครั้งนี้มีกฎอยู่ 3 ข้อ : เกาะกลุ่มอยู่ด้วยกัน , เก็บอาวุธปืนของพวกคุณให้เรียบร้อย และให้ฉันได้ลงมือพูดคุยกับพวกเขาก่อน เข้าใจไหม?" 

"เข้าใจแล้ว" ชายในชุด Marshal ตอบ 

"แล้วเจ้าหน้าใหม่ล่ะ?" ไวต์ฮอร์สหันมาถามตัวเอก แต่ทว่าตัวเอกก็ไม่ได้พูดอะไรตอบออกไป เป็นนัยๆว่าเขาเห็นด้วยและจะปฎิบัติตามที่ไวต์ฮอร์สพูดทุกอย่าง 

"เอาล่ะทุกคน ตั้งใจกันเข้าไว้นะ" ไวต์ฮอร์สเว้นจังหวะ "ไปกันเล้ย!!" เมื่อพูดจบ สมาชิกในทีมของเขาทุกคนยกเว้นแพร็ตต์ที่ต้องเป็นคนคอยคุมเฮลิค๊อปเตอร์ไว้ก็ได้ลงไปจากเครื่องเพื่อลงมือปฏิบัติงานกันในทันที


ตรงนี้จะเป็นจุดแรกที่ผู้เล่นจะได้ควบคุมแล้วหลังที่ได้ชมฉากคัทซีนมาอย่างยาวนานมาก ซึ่งการควบคุมในจุดนี้ก็จะยังคงทำอะไรมากไม่ได้ค่ะ ก็ให้เดินตามสมาชิกเจ้าที่ที่เขาเดินนำกันไปก่อนแล้วก็พอ พยายามอย่าเดินให้ห่างเน้อเพราะเดี๋ยวจะโดนเกมขึ้นคำเตือนมาด่า เมื่อเดินตามไปถึงหน้าโบสถ์แล้วก็จะมีคัทซีนขึ้นมาให้ชมอีกครั้งค่ะ 

เมื่อเดินทางมาถึงยังหน้าโบสถ์ที่คาดว่าโจเซฟที่เป็นเป้าหมายในการจับกุมครั้งนี้อยู่ข้างในแล้วนั้น ชายในชุด Marshal ก็ทำคว้าที่จับประตูของโบสถ์เพื่อที่จะเปิดเข้าไปในทันที แต่ทว่าไวต์ฮอร์สก็มาคว้าประตูและใช้มือของเขายันบานประตูไว้ก่อน ก่อนที่เขาจะไปพูดกับชายในชุด Marshal ว่า 

"โว้ว คุณ Marshal ก่อนที่เราจะทำแบบนี้ เราต้องทำตามแผนของเรานะ คุณต้องเข้าไปแบบเงียบๆและใจเย็นที่สุด เข้าใจไหมเนี่ย" 

"ก็ได้น่า" ชายในชุด Marshal ตอบแบบขอไปที เป็นเชิงว่าเขารำคาญกับการจู้จี้ของไวต์ฮอร์สเต็มทนแล้ว 

"Hudson (ฮัตสัน) เธอช่วยเฝ้าประตูให้ที ระวังหลังของพวกเราให้ด้วย อย่าให้ไอ้พวกเพ็กกี้มันเข้ามาในโบสถ์ได้อีกเด็ดขาด" ไวต์ฮอร์สหันไปออกคำสั่งให้แก่หญิงสาว "ส่วนนาย เจ้าหน้าใหม่ -- มากับฉัน" เมื่อออกคำสั่งให้แก่ฮัตสันเสร็จแล้ว ไวต์ฮอร์สจึงหันมาบอกกับตัวเอกบ้าง "ส่วนคุณ ขอแค่อย่าทำอะไรโง่ๆก็พอแล้ว" ส่วนประโยคหลังนี่เขาหันไปพูดกับชายในชุด Marshal 

"ใจเย็นน่า คุณนายอำเภอ จบงานนี้แล้วคุณได้เลื่อนยศแน่นอนเลยล่ะ" ชายในชุด Marshal หันมาตบบ่าไวต์ฮอร์สไปหนึ่งที ก่อนที่จะชวนให้ไวต์ฮอร์สเปิดประตูโบสถ์เข้าไป 

"นายจะไม่เป็นอะไรหรอก" ฮัตสันหันมากล่าวกับตัวเอก ก่อนที่เธอจะเดินไปทำหน้าที่คุ้มกันของเธอตามที่ได้รับมอบหมายมา 

เมื่อเตรียมตัวพร้อมรับกับสถานการณ์ที่เจอในหนทางข้างหน้าได้แล้ว ไวต์ฮอร์สก็ได้ทำการเปิดประตูโบสถ์เข้าไปในทันที สภาพภายในของโบสถ์นั้นไม่ต่างอะไรกับที่เห็นผ่านจากในคลิปวิดีโอก่อนหน้านี้เลย คือมันยังคงเต็มไปด้วยบรรยากาศอึดอัดชวนอึมครึม ภายในโบสถ์นั้นค่อนข้างมือเพราะมีแสงไฟส่องออกมาเป็นรูปสัญลักษณ์ของลัทธิเพียงดวงเดียว แถมภายในโบสถ์ยังมีกลุ่มคนติดอาวุธและเหล่าผู้ที่ศัทธาในตัวของโจเซฟนั่งกันอยู่อย่างแน่นขนัด 


"บางสิ่งกำลังมา พวกคุณก็รู้สึกได้เหมือนกันใช่ไหม?" เสียงของชายหนุ่มที่ฟังดูคุ้นหูคนหนึ่งพูดดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบ "เราคือผู้ที่จะคืบคลานไปสู่จุดสิ้นสุด... และที่นั่น เราก็จะได้เราการเคารพนับถือ" ใช่แล้ว... นี่คือเสียงของ โจเซฟ ซีด ผู้ที่เป็นหัวหน้าของลัทธินี้นั่นเอง เขายืนอยู่ที่ด้านหน้าใจกลางของโบสถ์ ในสภาพที่สวมเพียงแต่กางเกงยีนส์สีดำ ไม่สวมเสื้อ และในระหว่างที่เขากำลังพูดไป พวกสมาชิกลัทธิที่ยืนคุมอยู่ต่างก็สังเกตได้ถึงการบุกรุกของพวกตัวเอกแล้ว 

"นี่แหละ ว่าทำไมเราถึงเริ่มโครงการนี้ขึ้นมา เพราะว่าเรารู้อยู่แล้วว่าต่อไปในภายภาคหน้านั้นมันจะเกิดอะไรขึ้น พวกมันจะมา พวกมันจะเอาข้าวของทุกอย่างไปจากพวกเรา" โจเซฟยังคงกล่าวต่อไปอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งน้ำเสียงที่เขาใช้พูดเองก็ดูเหมือนจะเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆแล้ว "เอาอาวุธของเราไป เอาอิสระของเราไป... เอาความศรัธาของเราไป!" โจเซฟเว้นจังหวะ ในขนาดที่ชายในชุด Marshal และไวต์ฮอร์สเริ่มเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆแล้ว 

"แต่เราจะไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นหลุดมือของพวกเราไป เราจะไม่รับเอาความโลภของพวกเขา เราจะไม่รับความอยุติธรรมของพวกเขา หรือสิ่งเลวร้ายจากพวกเขาให้มาทำลายพวกเราเองอีกแล้ว! เราจะไม่ยอมทนทุกข์ทรมาณใดๆอีกต่อไปแล้ว!" 

"หุบปากน่า" เมื่อได้ยินโจเซฟพูดพล่ามในเรื่องที่ไม่ชวนฟังมามากพอ ชายในชุด Marshal และไวต์ฮอร์สก็ได้เดินมาถึงตรงหน้าของโจเซฟพอดิบพอดี เขาเหลืออดที่จะมาฟังผู้ต้องหาที่อยู่ต่อหน้าเขามาบ่นอะไรแบบนี้แล้ว ชายในชุด Marshal จึงได้พูดสั่งให้โจเซฟเงียบในทันที อีกทั้งเขายังเอาแผ่นกระดาษที่เขาได้นั่งอ่านบนเฮลิค๊อปเตอร์มายื่นให้แก่โจเซฟได้เห็นด้วย 


"โจเซฟ ซีด! ฉันมีหมายจับที่ออกให้ใช้สำหรับในการจับกุมนาย นายถูกจับแล้ว ในข้อห้าเป็นผู้ต้องสงสัยในการลักพาตัวเพื่อมีเจตนาทำร้ายร่างกาย! เอาล่ะ ฉันอยากให้นายเดินมาข้างหน้า แล้วก็ยกมือขึ้นให้ฉันเห็นด้วย" ชายในชุด Marshal กล่าว เขายังคงยกใบหมายจับออกมาแสดงให้โจเซฟได้เห็นอยู่อย่างนั้น แต่ทว่าโจเซฟนั้นกลับไม่ได้สนใจใบหมายจับอะไรนั่นแม้แต่สักนิดเลย เขาเอาแต่จ้องมองไปที่ใบหน้าของชายในชุด Marshal ไม่หยุด 

และแทนที่โจเซฟจะทำตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ของทางการที่กำลังออกคำสั่งกะเขาอยู่ เขากลับไม่ก้าวเดินออกมาข้างหน้าตาที่ถูกสั่ง โจเซฟได้แต่ยังคงมองหน้าของชายในชุด Marshal ไปเรื่อยๆ และยกมือขึ้นมาไว้ด้านหน้าของตนเอง 

"มันอยู่ที่นี่แล้ว... เจ้าตั๊กแตนที่บุกเข้ามาในสวนของพวกเรา... พวกคุณเห็นไหมว่าพวกมันน่ะมาฉัน" โจเซฟกล่าว ดูจากรูปประโยคแล้วเขาคงพูดกับพวกสมาชิกลัทธิลูกน้องของเขาแน่ๆ 

และเมื่อโจเซฟพูดมาถึงตรงนี้ พวกสมาชิกของลัทธิที่มีอาวุธครบมือก็ได้เข้ามาห้อมล้อมยืนเป็นกำแพงกั้นกลางระหว่าโจเซฟกับพวกของตัวเอกแล้ว สีหน้าของพวกลัทธิดูแล้วไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก น่ากลัวว่าพวกนี้พร้อมที่จะยกปืนในมือขึ้นมายิงได้ทุกเมื่อ 

"พวกมันมาเพื่อที่จะพาฉันไปจากพวกคุณ พวกมันมาเพื่อที่จะทำลายทุกอย่างที่เราได้ร่วมกันสร้างขึ้น" โจเซฟยังคงพูดเอาน้ำมันราดใส่กองไฟไม่เลิก ณ ตอนนี้พวกสมาชิกลัทธิที่ยืนห้อมล้อมนั้นได้แสดงอาการไม่พอใจออกมา และเริ่มพูดโวยวายกันเสียงดังแล้ว 

"เอาล่ะ ตอนนี้ใจเย็นก่อนนะ ใจเย็นกันก่อน!" ไวต์ฮอร์สที่ได้เห็นว่าสถานการณ์ที่เริ่มไม่สู้ดีนั้นกำลังเดือดขึ้นทุกที เขาเลยยกมือขึ้นมาห้ามชายในชุด Marshal ไว้ว่าอย่าเพิ่งใจร้อน รวมไปถึงอาจจะพูดห้ามไม่ให้พวกเพ็กกี้ใจร้อนขึ้นมาเช่นกัน 

แต่พริบตาความดุเดือดเมื่อสักครู่นี้ก็ได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง เพียงแค่โจเซฟเดินลงมาจากแท่นประรำพิธีที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ "เราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์แบบนี้มันจะเกิดขึ้น เราได้เตรียมตัวมาเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ" โจเซฟกล่าว เขายกทั้งสองมือขึ้นจับไหลพวกเพ็กกี้ แต่ที่หน้าแปลกคือในระหว่างที่พูด โจเซฟก็ได้ทำหน้าตาอ่อนโยนประกอบไปด้วย "ไปซะ ออกไปกันก่อนเถอะ..." 

"พระเจ้าจะไม่มีวันให้พวกมันจับตัวฉันไปได้หรอกนะ..." 

สิ้นคำพูดของโจเซฟ พวกเพ็กกี้ต่างที่กำลังเดือดเป็นไฟอยู่เมื่อครู่นี้ก็ได้เดินจากไปอย่างว่าง่ายในทันที พวกสมาชิกของลัทธิเดินออกไปจากโบสถ์จนหมด ทิ้งไว้เหลือแค่ตัวโจเซฟ และผู้ชายอีกสองคนกับอีกหนึ่งหญิงสาวที่ยังคงยืนอยู่ที่ด้านหลังของโจเซฟ ส่วนฝ่ายของตัวเอกนั้น ชายในชุด Marshal , ไวต์ฮอร์ส รวมไปถึงตัวเอกก็ยังอยู่ครบทุกคน 

"ฉันเห็นมันในตอนที่ลูกแกะเปิดผนึกชั้นแรกออก และฉันยังได้ยินเหมือนเสียงฟ้าที่ฟาดลงมา หนึ่งในสัตว์ร้ายทั้งสี่ตัวได้พูดขึ้น มันได้ใกล้เข้ามาแล้ว..." โจเซฟกล่าว ในระหว่างที่เขาพูด ชายหนุ่มก็ได้ยกมือขึ้นชูไว้เหนือศีรษะและจ้องมองไปยังเบื้องบนด้วย 

"ก้าวเข้ามาข้างหน้า" ชายในชุด Marshal พูดสั่งโจเซฟอีกรอบ 

"...และฉันก็ได้เห็น จงดูเถิด เจ้าสัตว์ร้ายตัวนั้นมันเป็นม้าที่มีสีขาว..." โจเซฟพูดต่อพลางชี้นิ้วไปยังที่ใบหน้าของชายในชุด Marshal "...และดูสิ นรกก็ติดตามมันมาด้วย" 

เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นระดับหน้าอก และยื่นมือทั้งสองข้างให้แก่ตัวเอกในทันที 

"เจ้าหน้าใหม่ -- จับไอ้เปรตนี่ได้แล้ว" ชายในชุด Marshal หันมาพูดกับตัวเอก 

"พระเจ้าจะไม่มีวันให้นายพาตัวของฉันไปได้หรอก" 


จากนี้ก็จะมีตัวเลือกขึ้นมาที่หน้าจอให้ผู้เล่นได้กดค่ะ คือจริงๆมันมีขึ้นมาตัวเลือกเดียวให้กดว่า "Arrest The Father" ก็ให้ผู้เล่นกดเพื่อที่จะดำเนินเกมต่อไปได้เลย แต่จริงแล้วในฉากนี้นั้นผู้เล่นสามารถเลือกฉากจบของเกมได้อีกแบบค่ะ คือการไม่กดอะไรบนหน้าจอเลย ให้ทิ้งเกมไว้สักครู่หนึ่งเกมก็จะจบอีกแบบเอง แต่ถ้าคิดจะเล่นเกมต่อก็ให้กดจับ(กุม)พ่อโจเซฟไปได้เลยค่ะ 

ตัวเอกทำตามที่ได้รับหมอบหมายมาอย่างดี เขาตรงเข้าไปเอากุญแจมือสวมใส่เพื่อทำการจับกุมโจเซฟในทันที เมื่อได้ตัวของผู้ต้องหามาแล้วก็ถือว่าหน้าที่เสร็จสิ้น สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ก็คือการพาโจเซฟไปยังเฮลิค๊อปเตอร์เพื่อพาตัวไปดำเนินตามกฎหมายเท่านั้น แต่มันจะเป็นเรื่องง่ายอย่างนั้นจริงๆหรือ? 

เมื่อควบคุมตัวของโจเซฟและบังคับตัวละครได้แล้ว ก็ให้ทำการเล่นเหมือนกับช่วงขามาเลยค่ะ คือแค่กดเดินไปอย่างเดียวก็พอ พยายามอย่าปล่อยปุ่มในการเดินเพราะอาจจะทำให้เดินไม่ทันและอาจจะทำให้โดนเกมขึ้นคำเตือนมาด่าได้ (อีกแล้ว) ในระหว่างที่ผู้เล่นกำลังเดินทางไปยัง ฮ. นั้นก็จะสังเกตได้ว่าบรรยากาศรอบข้างนั้นเริ่มวุ่นวายแล้ว ก็ไม่ต้องสนใจนะคะ เพราะไม่มีใครเข้ามาทำร้ายแน่นอน ขอแค่ให้เดินไปถึง ฮ. ก็พอ แล้วเกมจะตัดเข้าคัทซีนอีกทั้งค่ะ 


"แม่งเอ๊ยไอ้พวกเพ็กกี้ ไอ้พวกเพ็กกี้สารเลว! ไอ้เวร!" ชายในชุด Marshal พูดสบถไม่ยอมหยุด เพราะบัดนี้เหล่าพวกเพ็กกี้หรือสมาชิกของลัทธินั้นได้คุ้มคลั่งกันไปหมดแล้ว หลังจากที่ได้เห็นว่าโจเซฟ หรือคุณพ่อสุดที่รักของพวกเขานั้นกำลังจะโดนพรากไปโดยพวกคนนอก พวกเพ็กกี้ต่างก็วิ่งกรูกันเข้ามาหมายที่จะรั้งคุณพ่อสุดที่รักของพวกเขาเอาไว้สุดชีวิต

"ขึ้นมาเร็วเจ้าหน้าใหม่ เร็วๆเข้า! เร็วสิ!" ฮัตสันที่ขึ้นไปนั่งบนเฮลิค๊อปเตอร์แล้วได้ทำการกวักมือเรียกตัวเอก พร้อมๆกันนั้นเธอเองก็ช่วยพยุงตัวของโจเซฟให้ก้าวขี้นเฮลิค๊อปเตอร์มาด้วยเช่นเดียวกัน 

"แพร็ตต์! เอาเฮลิค๊อปเตอร์ขึ้นเดี๋ยวนี้เลย" 

"ปิดประตูเร็วเข้าสิ!" 

"แม่งเอ๊ย" 

"เอาพวกมันออกไปสิ!" 

"แพร็ตต์ เอาเฮลิค๊อปเตอร์ขึ้นเร็วๆ!"

"เฮลิค๊อปเตอร์มันหนักเกินไป ผมเอาขึ้นไม่ได้!" 

"แนนซี่ แนนซี่ ตอบหน่อยแนนซี่! ได้ยินไหม? แนนซี่!" 

"คุณพระช่วย!" 

"...โอ้... ไม่นะ เวรเอ๊ย เวรเอ๊ย"

"ออกไปสิ... ออกไป... ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้!" 

"ออกไป!" 

"แนนซี่!" 

"พวกแกจะพาเขาไปไม่ได้นะ!" 

"หุบปากโว้ยอีเวร!" 

"เอาไปซะ! ออกไปจากที่นี่! จะออกไปหรืออยากจะตายกันห๊ะ!" 

"หุบปากสิโว๊ย!" 

"เกาะไว้ให้--"


ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวาย ในขนาดที่สมาชิกเจ้าหน้าที่ทุกคนรวมไปถึงโจเซฟ นั้นต่างก็ขึ้นเฮลิค๊อปเตอร์กันหมดแล้ว แพร็ตต์เองก็กำลังจะเอาเครื่องเฮลิค๊อปเตอร์ขึ้นบินเช่นเดียวกัน แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น เหล่าสาวกที่คลั่งในตัวของโจเซฟจำนวนนับไม่ถ้วนนั้นต่างก็พากกันกรูเข้ามาและปีนเกาะเครื่องเฮลิค๊อปเตอร์ไว้ จนชายในชุด Marshal และตัวเอกนั้นต้องปัดพวกนี้ทิ้งกันจ้าละหวั่น เพราะประตูทางด้านฝั่งของพวกเขานั้นไม่สามารถปิดได้จึงยังคงทำให้พวกเพ็กกี้กรูกันเข้ามาในเฮลิค๊อปเตอร์เพื่อหมายจะช่วยโจเซฟไว้ให้ได้ จนในที่สุดแพร็ตต์ก็เอาเครื่องขึ้นได้ แต่ไม่วายที่ยังโชคร้ายที่เฮลิค๊อปเตอร์จะยังคงมีพวกเพ็กกี้เข้ามาเกาะตัวเครื่องอยู่ ซ้ำร้ายกว่านั้นหนึ่งในเพ็กกี้ที่เกาะอยู่ด้านหน้าตัวเครื่องได้ทำการเสียสละตัวเอง เขาเอาตัวขึ้นไปบนใบพัดทำให้เฮลิค๊อปเตอร์เสียการทรงตัว จนในที่สุด เฮลิค๊อปเตอร์ที่ตัวเอกและสมาชิกคนอื่นๆรวมไปถึงโจเซฟก็ได้ตกลงไปสู่ฝืนป่า และแรงปะทะนั้นก็ได้ทำให้ตัวเอกได้สลบไปในทันที 

To be continued 

ความคิดเห็น

Recommend