Baldur's Gate 3 : The Dark Urge ชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นจากการสูญเสียความทรงจำ


Baldur's Gate 3 : The Dark Urge ชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นจากการสูญเสียความทรงจำ

ก่อนที่จะเกิดอาการความจำเสื่อม The Dark Urge ในอดีตเป็นคนที่เย็นชาและมีไหวพริบมากกว่า Orin มาก เขามีความเชื่อในการฆ่าเพื่อผลประโยชน์ โดยเลือกใช้วิธีการที่ปฏิบัติได้จริงและเรียบง่ายมากกว่าการสังหารเพื่อความสง่างาม และไม่ทำการฆ่าอย่างฟุ่มเฟือย หรือการฆ่าอย่างสร้างสรรค์โดยไม่จำเป็น แต่ถึงกระนั้น ในบางครั้ง The Dark Urge ก็มักจะหลงไปจากจุดประสงค์ที่ตนเองตั้งใจไว้เหมือนกัน

The Dark Urge คือ Bhaalspawn แต่ต่างจาก Bhaalspawn คนอื่น ๆ ตรงที่เขาไม่ได้ ’กำเนิด‘ ขึ้นมา แต่เขานั้นถูกสร้างขึ้นมาจากเลือดเนื้อของ Bhaal โดยตรง จึงทำให้ The Dark Urge เป็นเด็กที่สมบูรณ์แบบในสายตาของ Bhaal ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งการฆาตกรรม และเขายังเป็น Bhaalspawn ที่แท้จริง และเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ ดังน้้น ระดับความรักและความห่วงใยที่ไม่เคยมีมาก่อนของ Bhaal ที่มีต่อ The Dark Urge นั้นจึงเป็นของจริง แม้ว่าตามเนื้อเรื่อง The Dark Urge จะสูญเสียความทรงจำในอดีตไปแล้วทั้งหมดก็ตาม ในขณะที่เทพเจ้าสายชั่วร้ายส่วนใหญ่ มักจะทอดทิ้ง Chosen ของตนเอง หากว่าพวกเขาไม่มีประโยชน์ต่อตนเองอีกต่อไป อย่างเช่นที่ Myrkul ทำกับ Ketheric หลังจากที่เขาพ่ายแพ้ต่อตัวเอก แต่ Bhaal ก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อฟื้นฟูความทรงจำและความสามารถของ The Dark Urge ให้กลับคืนมาเหมือนเดิม และมักจะคอยนำทางและให้รางวัลแก่ The Dark Urge เมื่อใดก็ตามที่เขาทำคำสั่งของตนสำเร็จ สิ่งนี้เลยบ่งบอกว่า Bhaal เองก็คงรู้สึกภาคภูมิใจ และรักลูกของเขามาก อย่างน้อยก็มากเท่าที่เทพผู้ชั่วร้ายตนหนึ่งจะสามารถแสดงออกมาได้

ชีวิตในวัยเด็กของ The Dark Urge เขาเติบโตขึ้นมานอกลัทธิ Bhaal ด้วยการถูกคู่รักคู่หนึ่งรับไปเลี้ยง The Dark Urge มีวัยเด็กที่ค่อนข้างสงบและมีความสุขอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่ต่อมาเขาจะยอมจำนนต่อพลังมืดของตนเอง และทำการลงมือสังหารคนที่เขารัก รวมไปถึงพ่อแม่อุปถัมภ์ของตนทิ้ง


จนในที่สุด The Dark Urge ก็กลายเป็นผู้นำของลัทธิ Bhaal และให้คำมั่นที่จะใช้ชีวิตทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อพ่อ ของเขา และเมื่อถึงจุดหนึ่ง Bhaalspawn อีกคนอย่าง Orin ก็เข้าร่วมลัทธิและมารับใช้พวกเขา

หลังจากได้รับนิมิตเกี่ยวกับ Bhaal แล้ว The Dark Urge ที่ได้ติดต่อกับ Enver Gortash ก็ได้วางแผนที่จะขโมยมงกุฎแห่ง Karsus เพื่อที่พวกเขาจะได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่มีต่อพระเจ้าของพวกเขา หรือก็คือ พวกเขาจะสร้างกองทัพ Mind Flayer ขึ้นมา และด้วยความช่วยเหลือของกองทัพนี้ พวกเขาจะทำลายล้างสิ่งมีชีวิตทุกชีวิต ในที่สุด The Dark Urge จึงรวมกำลังกับ Gortash ผู้ถูกเลือกของเทพเจ้า Bane และ Ketheric Thorm ผู้ถูกเลือกของเทพเจ้า Myrkul ตามลำดับ

เมื่อแผนสำเร็จ Gortash แนะนำให้พวกเขาใช้มงกุฏกับ Elder Brain ซึ่ง The Dark Urge ก็เห็นด้วยกับแผนนี้ และเข้าร่วมกับ Gortash และ Ketheric ที่ Moonrise Towers และต่อมา ผู้ถูกเลือกทั้ง 3 คนก็ได้เริ่มโจมตีอาณานิคมของ Mind Flayer และใช้มงกุฎกับ Elder Brain และกดขี่มันให้อยู่ในความประสงค์ของพวกเขาได้สำเร็จ

แต่ในจังหวะหนึ่งที่ The Dark Urge กำลังเยี่ยมชมอาณานิคมของ Mind Flayer เขากลับ Orin ผู้เป็นน้องสาวของเขาทรยศ เพราะเธอนั้นอิจฉาที่ The Dark Urge ได้รับความรักจาก Bhaal อยู่คนเดียว

Orin ได้ทำการเจาะกะโหลกศีรษะของ The Dark Urge ด้วยมีดสั้น และทำให้เขาติดเชื้อจากลูกอ๊อดที่ถูกดัดแปลงด้วยเวทย์มนต์ ลูกอ๊อดเริ่มกัดกินสมองที่กำลังละลายของเขา ส่งผลให้เขาเกิดสภาวะความจำเสื่อม และกลายเป็น True Soul คนแรกโดยไม่ได้ตั้งใจ

ซึ่ง Orin เองก็ได้ทิ้งร่างอันไร้ประโยชน์ของ The Dark Urge ที่เธอจัดการไว้ที่อาณานิคมของ Mind Flayer นั้น และต่อมา Kressa Bonedaughter สมาชิกของ Follower of the Absolute ก็ได้มาพบร่างของเขาเข้า เธอจึงจัดการทำการทดลองต่าง ๆ นา ๆ กับร่างกายของ The Dark Urge เป็นเวลาอยู่หลายวัน ในระหว่างนั้น The Dark Urge ยังคงไม่สามารถพูด ไม่สามารถจดจำ หรือทำอะไรได้เลย
.
ต่อมา Maghtew Budj สามีของ Kressa ได้สังเกตเห็นความหลงใหลของภรรยาของเขาที่มีต่อ The Dark Urge ว่ามันมากเกินไป เขาจึงอยากจะกำจัดสัตว์เลี้ยงตัวนี้ของภรรยาไปให้พ้น ๆ Maghtew จึงได้ทำการส่งร่างของ The Dark Urge ที่ยังคงพังทลายและความจำเสื่อมให้ถูกส่งไปที่ยาน Nautiloid โดยที่ภรรยาของเขาไม่รู้ ซึ่งในไม่ช้า The Dark Urge ก็จะตื่นขึ้นมาโดยที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับตัวเองหรืออดีตของเขาหลงเหลืออยู่เลย ตามเนื้อเรื่องในช่วงต้นเกมนั่นเอง

ในช่วงท้าย หาก The Dark Urge ที่ได้รับความทรงจำบางส่วนกลับมาแล้ว และได้ทำการต่อสู้ชนะ Orin แล้ว ตัวเขาจะถูกติดต่อโดย Bhaal พ่อของเขาให้กลับมาเป็นผู้ถูกเลือกอีกครั้ง

หาก The Dark Urge ต่อต้านและปฏิเสธพ่อของเขา Bhaal จะทำการริบสายเลือดของเขาที่มีอยู่ในตัว The Dark Urge ออกมาจนหมด ส่งผลให้ The Dark Urge เสียชีวิตลงในทันที แต่ว่าน้าผี The Withers จะทุ่มพลังส่วนหนึ่งของเขาชุบชีวิต The Dark Urge ให้ฟื้นกลับคืนมา นี่จึงถือเป็นการเกิดใหม่ และถือเป็นการหลุดพ้นจากความมืดของ Bhaal อย่างแท้จริง The Dark Urge ต่อจากนี้ เขาจึงจะต้องเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตที่เป็นของตนเองอย่างแท้จริงแล้ว

แต่ถ้า The Dark Urge ยอมรับพ่อของเขา เขาจะกลายเป็นผู้ถูกเลือกของ Bhaal อีกครั้ง และเนื้อเรื่องของเกมต่อจากนี้จะถูกล็อกให้จบแบบ Bad Ending อย่างถาวร หากเล่นไปถึงช่วงจบเกม แล้วผู้เล่นไม่ได้ควบคุม Elder Brain เพื่อพ่อของเขา ก็จะพบว่า The Dark Urge จะกลายเป็นฆาตกรที่คลั่งไคล้แต่เลือดและการฆ่าไปแล้ว เขาจะไม่สามารถควบคุมความต้องการฆ่าของตนเองได้อีกต่อไป รวมไปถึงยังจดจำเพื่อน ๆ หรือคนรักที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันไม่ได้อีกด้วย (และคาดว่าน่าจะไล่สับเพื่อนในงานปาร์ตี้จนหมดด้วย) แต่ถ้าผู้เล่นเลือกให้ The Dark Urge ควบคุม Elder Brain เขาจะทรยศเพื่อนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน แต่จะไม่กำจัดทิ้ง เพียงแค่ทำการล้างสมองควบคุมและให้เพื่อน ๆ อยู่เคียงข้างในฐานะมือขวาของตนตลอดไป


เนื้อเรื่องและการกระทำพิเศษของตัวเอกสาย The Dark Urge

Act 1

- ในระหว่างเนื้อเรื่อง Act 1 The Dark Urge จะมีคัทซีนของตัวเองค่อนข้างเยอะ แต่ที่บังคับเจอเลยจะเป็นคัทซีนที่เขาได้ลงมือสังหารคนในแคมป์ ซึ่งจะหลีกเลี่ยงไม่ได้และบัฃคับเจอ และผู้โชคร้ายจะเป็น Alfira เสมอ หรือในกรณีที่เจ๊แกตุยเย่ไปก่อนไม่ก็สลบอยู่ เหยื่อก็จะเป็น Quil กวีสาวชาวมนุษย์มังกรแทน (ตรงนี้ถ้าผู้เล่นสารภาพว่าเป็นฝีมือของตนเองกับเพื่อนในค่าย ถ้าตอนที่ตัวเอกรู้ว่าตัวเองคือลูกของ Bhaal ใน Act 3 จะมีบทสนทนาพิเศษเพิ่มกับเพื่อนด้วย) ต่อจากนั้นไม่นาน Sceleritas Fel ผู้รับใช้ของตัวเอกจะปรากฏตัว และมอบผ้าคลุม Deathstalker Mantle เป็นของกำนัลให้แก่ตัวเอก

- และการใช้ Long Rest ในช่วงต้นเกม มักจะมีคัทซีนที่สามารถบอกใบ้ถึงลักษณะที่แท้จริงของตัวละคร The Dark Urge ขึ้นมาได้ตลอด คำแนะนำที่ใด้จะขึ้นอยู่กับเชื้อชาติและคลาสของตัวละคร โดยให้คำอธิบายที่เป็นมิตรต่อตัวละครแต่ละตัว

- The Dark Urge สามสรถการกินเห็ด Noblestalk ได้ และมันจะช่วยปลดล็อกหนึ่งในสองความทรงจำนี้ : หากกินก่อนพบกับ Sceleritas Fel เขาจะจำพฤติกรรมการชอบกินเนื้อคนของตนได้
หากกินหลังจากพบกับ Sceleritas Fel เขาจะจำการทรมานและการฆาตกรรมของเหยื่อรายหนึ่งได้

- สามารถจิตนาการ (และลงมือจริง) ถึงการฉีกแขนของ Gale ในตอนที่พบเขาครั้งแรกได้ และจะทำให้เขาตายถาวร (ไม่มีผลต่อเนื้อเรื่อง) สิ่งนี้จะทำให้ผู้เล่นไม่สามารถรับ Gale เข้าทีมได้อีกต่อไป

- เมื่อกดสำรวจกับกระรอก Timber ที่ Druid Grove ตังเอก The Dark Urge จะเตะกระรอกตายทันทีโดยไม่ต้องเลือกตัวเลือก ผู้เล่นสามารถควบคุมการเล่นตรงนี้ได้ ด้วยการใช้ให้คาถา Speak with Animals ทำงานก่อนที่จะคุยกับมันเท่านั้น

- สามารถกระตุ้นให้ Arabella วิ่งหนีงูได้ด้วยการส่งสายตาไปที่เธอ แต่สิ่งนี้จะทำให้เธอตายเพราะถูกงูกัดอยู่ดี

- กัดนิ้วเท้าของ Crusher ให้ขาดได้ เมื่อเขาขอให้คุณจูบเท้าของเขา

- ทำการฉีกปีกของนกบาดเจ็บที่ Nettie กำลังรักษาอยู่ได้

- ในกรณีที่ The Dark Urge เข้าข้าง Goblin เขาสามารถหักคอเพื่อฆ่า Minthara หลังจากที่เสร็จกิจกรรมนอนกับเธอแล้วได้เลย


Act 2

- ในช่วง Long Rest จะมีคัทซีนที่ The Dark Urge จะได้รับมอบหมายจาก Sceleritas Fel ให้ไปทำการสังหาร Isobel ที่ Last Light Inn ซึ่งเควสนี้จะคงอยู่จนกว่าผู้เล่นจะเข้า Act 3 หากผู้เล่นละทิ้งไม่ทำการฆ่า Isobel จนจบ Act 2 ในเวลาต่อมาหลังจากที่ปราบบอส Ketheric ได้แล้ว จะมีคัทซีนที่ The Dark Urge จะถูกควบคุมร่างการและจิตใจตอนหลับ และต้องไปสังหารคนรักของตนทิ้ง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ฟังคำสั่งของพ่อ (ถ้าผู้เล่นไม่จีบใครเลย ก็จะเป็นเพื่อนในค่ายที่สนิทที่สุดแทน) ตัวเอกสามารถต่อต้านและช่วยชีวิตของคนรักได้ด้วยการเลือกที่จะ ‘ปลุกคนรักของตนให้ตื่นขึ้นมา’ ได้ด้วยการทอยลูกเต๋า แต่ถ้าหากทอยไม่ผ่าน หรือเลือกที่จะไม่สนใจและกลับไปนอนต่อ หรือไม่ต่อต้านและลงมือสังหารคนรักทิ้งเลย คนรักคนนั้นก็จะตายถาวร และในตอนเช้าที่เพื่อนคนอื่นในค่ายตื่นมาพบพฤติกรรมอันเลวร้ายของตัวเอก ผู้เล่นจะต้องทอยเต๋าเพิ่มแยกอีกต่างหาก ไม่เช่นนั้นเพื่อนทั้งค่ายจะกลายเป็นศัตรู และคงไม่ง่ายถ้าจะโดนพวกเขารุม

- แต่ถ้าหากผู้เล่นสังหาร Isobel ทิ้งไปก่อน ไม่ว่าจะลงมือเอง หรือจะเป็นเพราะเธอตายจากกรณีอื่น ๆ ผู้เล่นก็จะไม่เจอเหตุการณ์ที่ต้องฆ่าคนรัก หรือถ้าผู้เล่นเลือกสังหารคนรักของตนแทน The Dark Urge ก็จะได้รับร่างแปลง Slayer เป็นของกำนัลจากพ่อของเขาที่เป็นเด็กดีเชื่อฟังคำสั่ง

- The Dark Urge มีบทสนทนาและการโต้ตอบที่เป็นเอกลักษณ์กับตัวละครหลายตัวที่ Moonrise Towers

- หลังจากปลดปล่อย Pixie ที่ติดอยู่ในจาก Moonlantern แล้ว ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะบดขยี้นางฟ้าทิ้งด้วยมือได้

- The Dark Urge สามารถลงโทษด้วยการทรมานกลุ่มก็อบลินได้เพิ่มเติมอีกหลายวิธีที่ Moonrise Towers

- การเดินผ่านพื้นที่ฝังศพแถว Last Light Inn จะมีบทสนทนาเผยให้เห็นว่าครั้งหนึ่งพื้นที่แถวนี้เคยเป็นพื้นที่ล่าสัตว์ของ The Dark Urge เอง


Act 3

- หากผู้เล่นปฏิเสธที่จะฆ่า Isobel หรือคนรักของเขา หลังจากมาถึง Wyrm's Crossing จะมีคัทซีนที่ The Dark Urge เป็นลม และเปิดเผยว่าเขาคือ Bhaalspawn และครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำของลัทธิ Bhaal (บางทีคัทซีนนี้จะเกิดก่อน ถ้าผู้เล่นทำการ Long Rest ก่อนที่จะมาที่นี่ก็มี)

- การสนทนาเพิ่มเติมกับ Gortash เผยให้เห็นว่า The Dark Urge เป็นหนึ่งในสมาชิกดั้งเดิมของ Chosen of the Dead Three และได้ร่วมกับ Gortash วางแผนที่จะใช้ Crown of Karsus กับ Elder Brain ตรงจุดนี้เลยเป็นจุดเฉลย ว่า The Dark Urge เป็นตัวเร่งให้เกิดเหตุการณ์ในเนื้อเรื่องหลักได้เป็นอย่างดี

- เหตุผลเดียวที่ The Dark Urge ในตอนนี้ไม่อยู่ในตำแหน่งผู้นำของลัทธิ Bhaal ก็เพราะว่า Orin อิจฉาพลังของ The Dark Urge เธอจึงทรยศเขา ทำให้เขาความจำเสื่อม และเข้าควบคุมลัทธิด้วยตัวเธอเองแล้วนั่นเอง

- หลังจากเผชิญหน้ากับ Orin แล้ว The Dark Urge อาจคืนสถานะเป็นผู้ถูกเลือกของ Bhaal หรือปฏิเสธตำแหน่งนี้ไปเลยก็ได้

- The Dark Urge มีคัทซีนและบทสนทนาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตลอดทั้ง Act 3 รวมไปถึง การกลับมาร่วมมือกับ Gortash อีกครั้งก็ได้ , การมีปฏิสัมพันธ์ที่เป็นเอกลักษณ์กับ Orin และลัทธิ Bhaal , การมีบทสนทนาที่ไม่เหมือนใครกับ Netherbrain

- หลังจากเรียนรู้ตัวตนที่แท้จริงของตนเองแล้ว The Dark Urge ก็สามารถพูดคุยกับ Oathbreaker Paladins ได้ และจะได้รู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตนนั้นผิดคำสาบาน

- หากใช้คาถา Heal กับตัวเอก The Dark Urge เขาจะปลดล็อคหนึ่งในสองความทรงจำเหล่านี้
หากเลือกใช้หลังจากที่ปฏิเสธ Bhaal ไปแล้ว ตัวเอกจะจำได้ว่าเคยเล่นกับเพื่อนในวัยเด็ก เป็นชีวิตหลังจากที่พ่อแม่อุปถัมภ์รับเลี้ยงไว้ หรือไม่เช่นนั้น ตัวเอกจะจำได้ว่าเขาเป็นคนสังหารพ่อแม่อุปถัมภ์ของตนทิ้งไปเอง


เกล็ดข้อมูลทั่วไปของ The Dark Urge

- The Dark Urge ชอบกินเนื้อคน เป็นตัวละครสายเดียวที่สามารถกินเนื้อคนแคระที่ย่างแล้วเพื่อเพิ่มค่าพลังชีวิตตนเองได้

- จากบทสนทนาแบบสุ่มของ Sceleritas Fel ระบุว่า The Dark Urge เป็นคนที่ชอบมีอารมณ์ และชอบมีเพศสัมพันธ์กับศพ

- The Dark Urge มีความเหมือนกันมากกับตัวละครเอกของเกม RPG อื่นๆ เช่น มีสภาวะความจำเสื่อม และมีความเชื่อมโยงบางอย่างที่ซ่อนอยู่กับตัวร้ายในเกมนั้น

- แม้ว่าจะได้รับการปลดปล่อยจากด้านมืดแล้ว The Dark Urge ก็ยังคงสามารถเข้าถึงบทสนทนาที่มีเอกลักษณ์และมีความรุนแรงได้ นั่นเป็นเพราะว่าการกระทำส่วนหนึ่งของ The Dark Urge อาจจะเป็นผลมาจากนิสัยของตัวละครของตัวเอง แทนที่มันจะเป็นอิทธิพลมาจาก Bhaal

- หลังจากที่น้าผี The Withers ชุบชีวิต The Dark Urge ให้ฟื้นกลับมา ต่อจากนี้ในบางครั้ง บทสนทนาของตัวละครนี้จะระบุว่าเขาสนุกสนานกับอิสรภาพในการเป็นคนจิตใจชั่วร้ายได้โดยที่ไม่ต้องถูกกระตุ้น และมีความสุขที่ได้หลอกทุกคนว่าตัวเขาทำไปเพราะยังไม่รู้เรื่อง

- แม้ว่า The Dark Urge เลือกที่จะปฎิเสธเลือดของ Bhaal ออกไปแล้ว Netherbrain ก็ยังคงเรียกเขาว่าเป็น "อวตารแห่งการฆาตกรรม" นี่อาจเป็นการอ้างอิงถึงการเปิดเผยของคุณ Ed Greenwood ซึ่งเป็นผู้สร้างฉากนี้ก่อนที่เกมจะวางจำหน่ายว่า Bhaalspawn ไม่สามารถกำจัดแก่นแท้ของ Bhaal ออกไปจากตนเองได้อย่างสมบูรณ์

- ในเนื้อเรื่องที่ The Dark Urge ไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นตัวเอก ผู้เล่นสามารถค้นหาศพของ NPC ที่มีรูปลักษณ์เริ่มต้นของ The Dark Urge Origin ในรูปแบบมนุษย์มังกรขาวได้ ศพจะมีชื่อระบุว่า "Fallen Bhaalspawn" ตรงนี้เลยตีความได้ว่า นี่อาจจะเป็น The Dark Urge ในอีกกรณีหลังจากที่ถูก Orin ทรยศ

- Minsc คิดว่าตนเองเป็นลุงของ The Dark Urge

- ตามคำบอกเล่าของ Sceleritas Fel สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่ The Dark Urge ทำในอดีต คือการมอบเหรียญให้กับขอทานในขณะที่มุ่งหน้าไปยัง Devil's Fee ด้วยความเมตตา การกระทำอันมีน้ำใจอันนี้ปัจจุบันยังคงทำให้ Sceleritas Fel ฝันร้ายอยู่

ความคิดเห็น

Recommend