FALLOUT 4 : บทสรุปเควส War Never Changes

บทสรุปเควส War Never Changes

มีสปอย : รายละเอียดของเควส และเนื้อเรื่อง

เควส War Never Changes ถือได้ว่าเป็นบทนำของเควสเนื้อเรื่อง และอีกทั้งยังเป็นชื่อของ Achievement/Trophy อันหนึ่งที่ปรากฎในเกม Fallout 4 ซึ่งเควสนี้จะเกิดขึ้นในวันที่ 23 ตุลาคม ปี ค.ศ. 2077 ในหมู่บ้าน Sanctuary Hills ที่เป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งในช่วงยุคก่อนสงคราม และเควสนี้จะเริ่มต้นในทันทีที่เกมได้เริ่มขึ้น


"สงครามไม่เคยเปลี่ยนไปเลย" เสียงทุ่มของชายผู้หนึ่งดังขึ้นมาท่ามกลางหมอกไอน้ำที่พุ้งไปทั่วห้อง และเมื่อไอน้ำในห้องนั้นได้มลายหายไป ใบหน้าของชายผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงก็ได้ปรากฎขึ้น ชายหนุ่มที่มีชื่อว่า Nate (เนท) กำลังกล่าวซ้อมการพูดของตนให้ดูคล่องขึ้น และภรรยาของเขาที่มีชื่อว่า Nora (นอร่า) ก็ได้พูดชื่นชมให้แก่สามีของเธอว่า คำพูดของเนทนั้นจะต้องทำให้คนในงานทหารผ่านศึกที่จะเจอกันในคืนนี้นั้นต้องตกตะลึงและหลงไหลได้อย่างแน่นอน เพราะในคืนนี้เนทจะต้องไปกล่าวคำปราศรัยในงานทหารผ่านศึกที่จะถูกจัดขึ้นใน Museum of Freedom ที่ตั้งอยู่ในเขต Concord และเมื่อถูกศรีภรรยาชื่นชมมาซะจนจะบินขนาดนี้แล้ว ตัวของเนทนั้นก็ได้เติมเต็มความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมในทันที เขาส่องกระจกเพื่อสำรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายของเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเดินออกจากห้องน้ำไป

ตรงนี้เมื่อสิ้นสุดคำพูดของตัวละครแล้ว ผู้เล่นก็สามารถที่จะปรับแต่งหนังหน้าของตัวละครได้ตามใจชอบเลยค่ะ จะเล่นเป็นตัวละครเชื้อชาติเอเชียหรือฝรั่งก็ได้ หรือจะสลับไปเล่นเป็นตัวละครหญิงก็ได้เช่นกัน โดยคำสั่งในตอนแต่งตัวละครจะมีหลักๆดังนี้คือ

1.) Face (ตามด้วยหมายเลข) : เอาไว้เปลี่ยนเคร้างโครงของตัวละครเพศนั้นๆ คำสั่งนี้จะมีให้ใช้ก็แค่ในช่วงที่สร้างตัวละครครั้งแรกเท่านั้นเด้อ

2.) Face : เอาไว้แก้ไขปรับโครงหน้าของตัวละคร จะดัดจมูก , จะยืดคาง หรือจะเปลี่ยนสีผิวของตัวละคร เปลี่ยนพันธุกรรม ก็ทำได้ที่คำสั่งนี้เลย

3.) Extras : เอาไว้เพิ่มลูกเล่นให้แก่ใบหน้าของตัวละคร เช่น รอยแผลเป็น , รอนช้ำ , รอยกระ , หน้าดำด่าง , รอยสักที่ใบหน้า หรือกระทั่งการแต่งหน้าก็จะรวมไว้ที่ตัวเลือกนี้

4.) Sex : เปลี่ยนเพศของตัวละครที่ต้องการจะเล่น ถ้าเพศไหนถูกเลือกให้อยู่ด้านหน้า ผู้เล่นจะต้องเล่นเป็นตัวละครเพศนั้น

5.) Body : เปลี่ยนหุ่นของตัวละคร จะปรับให้ตัวเอกนั้นอึ๋มใหญ่ หรือไข่ด่ว หรือจะปรับให้เขาอวบอ้วนหรือหุ่นโชตะ ก็สามารถปรับได้ที่คำสั่งนี้เลย

เมื่อสร้างและปั้นลูกชายหรือลูกสาวของท่านผู้เล่นจนพอใจแล้ว ก็ให้กดตอบตกลงว่า Done เพื่อสิ้นสุดการสร้างตัวละครได้เลยค่ะ โดยตัวละครเพศที่คุณเลือกอยู่นั้นเขาจะกลายเป็นตัวเอกหลักของเกม ส่วนคนรักของตัวเอกที่ไม่ได้ถูกเลือก เขาก็จะกลายไปเป็นแค่ตัวละคร NPC ธรรมดาๆค่ะ (อย่างของเราเล่นเป็นตัวเอกชาย ตั้งแต่นี้ไปก็จะขอเขียนบทสรุปเป็นเนื้อเรื่องของตัวเอกชายนะคะ ถ้ามีจุดไหนที่ต่างกันออกไปเดี๋ยวจะอธิบายให้ในช่วงนั้นอีกทีค่ะ)


เมื่อเนทเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว เขาก็ได้ปล่อยให้นอร่า ภรรยาของเขาไปยืนเสริมสวยอยู่ที่หน้ากระจกตรงจุดที่เขาเคยยืนฝึกซ้อมการพูดอยู่เมื่อครู่นี้ และเมื่อเดินเข้าไปในครัว เขาก็ได้พบเข้ากับหุ่นยนต์ Mister Handy ที่ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านนามว่า Codsworth (คอสเวิร์ด) กำลังง่วนอยู่กับงานครัวอยู่ อีกทั้งคอสเวิร์ดเองก็เพิ่งจะชงกาแฟร้อนๆให้เนทนั้นได้ดื่มในตอนเช้าเสร็จอยู่พอดี และเมื่อเห็นว่าเจ้านายของเขามายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว คอสเวิร์ดจึงได้กล่าวอรุนสวัสดิ์ให้แก่เนทอย่างร่าเริง และได้บอกว่าหนังสือพิมพ์ของวันนี้ก็ถูกส่งมาถึงยังที่บ้านแล้วด้วย ชายหนุ่มจึงได้พูดขอบคุณตอบแก่คุณพ่อบ้าน ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มด่ำความเฟอร์เฟ็กในอุณหภูมิของน้ำร้อนที่คอสเวิร์ดได้คัดสรรมาให้ชงพร้อมกับเมล็ดกาแฟได้อย่างลงตัว

ซึ่งระหว่างที่เนทกำลังใช้ชีวิตช่วงเช้าตามปกติของทหารผ่านศึกที่เกษียณแล้วอยู่นี้ ผู้เล่นก็สามารถที่จะเดินไปสำรวจของที่วางอยู่รอบๆบ้านก็ได้ค่ะ เช่นขวดน้ำอัดลม Nuka-Cola ที่อยู่ในตู้เย็น , กล่องของ Salisbury Steak สเต็กที่เป็นอาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน หรือจะสำรวจอย่างอื่นเพิ่มอีกก็ได้ เพราะบางทีในสิ่งของเหล่านั้นอาจจะมีเนื้อเรื่องที่คาดไม่ถึงรอให้ผู้เล่นไปค้นหามันอยู่ก็ได้ค่ะ

ระหว่างที่เนทกำลังซนรื้อสำรวจข้าวของไปทั่วบ้านอยู่นั้น นอร่าก็ได้แต่งตัวเสร็จและเดินมาอ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้าของวันนี้ที่เคาเตอร์หน้าครัวพอดี และระหว่างนั้นก็จะมีเสียงของเด็กทารกน้อยเพศชายที่ชื่อว่า Shaun (ณอน) ร้องระงมขึ้นมาทันที ใช่แล้ว...เด็กน้อยณอนคนนี้ก็คือพยานรักระหว่างเนทและนอร่านั่นเอง


คอสเวิร์ดที่ได้ยินเสียงเด็กทารกนั้นร้องก็ได้รีบปลีกตัวจากงานครัวไปดูแลเด็กทันที นอร่าที่ได้เห็นความเป็นมิตรระหว่างหุ่นยนต์กับเด็กน้อยก็ได้แต่หัวเราะเบาๆและกล่าวออกมาว่า ตอนแรกๆเธอก็เป็นกังวลกับคอสเวิร์ดมาก เพราะเธอกลัวว่าเขาจะดูแลณอนได้ไม่ดี แต่พอมาถึงตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว เพราะคอสเวิร์ดเองก็ดูท่าว่าจะรักณอนไปไม่ต่างจากญาติร่วมสายเลือดคนหนึ่งเลย

ไม่นานนักหลังจากที่เนทยังคงง่วนอยู่กับการสำรวจข้าวของในบ้านอยู่ ก็ได้มีเสียงกดกริ่งดังที่หน้าบ้านเป็นสัญญาณว่ามีแขกมาเยือน และเมื่อเนทเข้าไปเปิดประตูต้อนรับแขก ก็ได้มีชายในชุดเสื้อโค้ดสีเหลืองที่ดูหน้าตาและท่าทางเป็นมิตรคนหนึ่งได้เข้ามาทักทายกล่าวคำอรุณสวัสดิ์แก่เจ้าบ้าน ซึ่งเขาจะบอกว่าเขาเป็น Vault-Tec rep หรือตัวแทนของบริษัท Vault-Tec เข้ามาเสนออะไรบางอย่างให้แก่ครอบครัวของเนทด้วย


เนทจึงได้กล่าวคำอรุณสวัสดิ์ให้แก่ตัวแทนของบริษัท Vault-Tec ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ซึ่งพี่ตัวแทนก็จะบอกอีกว่า เป็นเพราะว่าเนทนั้นได้เป็นทหารและทำคุณงามความดีเคยไปรบช่วยชาติเอาไว้ จึงทำให้ครอบครัวของเนทนั้นมีสิทธิ์พิเศษที่จะเข้าไปอาศัยใน Vault หมายเลข 111 ได้แบบฟรีๆ ซึ่ง Vault จะเป็นสถานที่ๆผู้ที่ถูกรับเลือกจะสามารถเข้าไปอาศัยหลบภัยจากการโจมตีทางสงครามนิวเคลียร์ได้ และตอนนี้ประเทศอเมริกาเองก็ยังคงมีความดุเดือดทางสงครามกับประเทศจีนอยู่

และเมื่อเนทเห็นว่าเป็นของฟรี เอ้ย...เห็นว่า Vault จะเป็นสถานที่ๆครอบครัวของเขาจะอยู่ได้อย่างปลอดภัยในอนาคต ถ้าหากว่าเกิดเรื่องฉุกเฉินขึ้นมา เขาจึงได้ตอบตกลงแก่พี่ตัวแทนเพื่อที่จะเข้าไปอาศัยอยู่ใน Vault ได้ ซึ่งพี่ตัวแทนเองก็ดูท่าจะดีใจเหมือนกันที่ดูท่าว่าเขาเองก็มีทักษณะการขายที่สามารถจูงใจผู้เล่นได้ ดังนั้นเขาจึงต้องการข้อมูลส่วนตัวเล็กๆน้อยๆของเนทบางอย่างเพื่อที่จะส่งไปให้แก่บริษัทแม่ และให้ครอบครัวของเนทนั้นได้รับสิทธิ์อย่างถูกต้อง

ตรงนี้จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้ผู้เล่นเลือกกรอกข้อมูล เช่น ชื่อของตัวเอก และค่าความสามารถ S.P.E.C.I.A.L. ของตัวเอกได้เลย

ว่าแต่ค่า S.P.E.C.I.A.L. นั้นมันคืออะไรกันล่ะ?

S.P.E.C.I.A.L. ก็คือค่าสเตตัสหลักของตัวละครในเกม Fallout 4 โดยจะแบ่งได้เป็น 7 ค่าใหญ่ๆดังนี้ค่ะ

1.) Strength - ค่าความแข็งแรงของร่างกาย : อัพแล้วจะทำให้ถือของได้มากขึ้น , โจมตีด้วยมือเปล่าได้แรงขึ้น , มีบทสนทนาข่มขู่ NPC ด้วยการกำลัง , สามารถใช้อาวุธหนักเช่น ปืน Minigun ด้วยตัวเปล่าๆได้

2.) Perception ค่าความรับรู้ : อัพแล้วช่วยเพิ่มความแม่นยำในโหมด V.A.T.S. , พวกศัตรูจะโชว์ในเรดาร์ได้ไกลขึ้น , ล็อกเป้าได้ไกลขึ้นด้วย

3.) Endurance ค่าความอึด : อัพแล้วช่วยเพิ่มเลือดและค่า Stamina ให้เยอะขึ้น

4.) Charisma ค่าความมีสเน่ห์ : อัพเล้วช่วยเพิ่มทางเลือกในบทสนทนาให้ตอบผ่านง่ายขึ้น , ทำให้ได้กำไรจากการซื้อขายของได้มากขึ้น , ยิ่งค่าเยอะ ยิ่งพูดโน้มน้าวเชิงเป็นมิตรได้ง่าย , ทำให้ได้ค่าจ้างและสามารถต่อรองราคาการซื้อขายได้สูงกว่าปกติ

5.) Intelligence ค่าความความฉลาด : อัพแล้วช่วยเพิ่มทางเลือกในบทสนทนาในบางเหตุการณ์ , ทำให้ตัวละครอัพเลเวลได้ไวขึ้นด้วย เพราะช่วยเพิ่ม EXP

6.) Agility ค่าความว่องไว : อัพเล้วช่วยเพิ่มแต้ม Action point ทำให้ใช้โหมด V.A.T.S. ได้บ่อยมากขึ้น

7.) Luck ค่าความโชคดี : อัพแล้วช่วยทำให้มีโอกาสโจมตีติดคริติคอลง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสในการหาของให้ได้ไอเท็มที่ดีกว่าปกติ และช่วยทำให้เจอศัตรู Legendary ได้บ่อยขึ้น

ตรงนี้เราไม่สามารถแนะนำอะไรในการอัพความสามารถของตัวละครได้มากนะคะ เพราะมันขึ้นอยู่กับค่าความถนัดในการเล่นของผู้เล่นจริงๆ แต่ที่เราเล่นก็จะเน้นอัพค่า CHA , AGI กับ LUCK เป็นหลักค่ะ


และเมื่อเนทกรอกข้อมูลส่วนตัวเสร็จแล้ว พี่ตัวแทนเองก็จะได้ในสิ่งที่เขาต้องการเหมือนกัน เขาจึงจะขอตัวไปส่งรายงานให้แก่บริษัทแม่ก่อน และเมื่อแขกได้จากไปแล้ว เนทจึงกล่าวคำขอบคุณแก่พี่ตัวแทนอีกทีเป็นการส่งแขกและปิดประตูบ้านลง นอร่าที่ได้เห็นสามีของเธอกำลังซื้อขายอะไรบางอย่างกับเซลส์แมนอยู่จึงได้พูดแซวสามีไปว่า ไอ้ที่สามีของเธอเพิ่งซื้อไปนั้นมันจะคุ้มค่ากว่าหนังสือพิมพ์ของทุกเช้านี้ใช่ไหมเนี่ย?

แต่ทว่าเนทกลับตอบไปแบบจริงจังว่า เพื่อความปลอดภัยของลูกและภรรยาของเขาแล้ว ไม่ว่าจะราคาแพงเท่าไหร่ เขาก็จัดให้ได้เสมอ นอร่าหัวเราะและบอกว่าเนทนั้นพูดตอบออมาได้ดีนี่

แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ เสียงของเด็กน้อยณอนก็ได้ร้องดังขึ้นอีกครั้ง คอสเวิร์ดที่พยายามปลอบเด็กน้อยทุกวิถีทางก็แล้วแต่ก็ไม่เป็นผลจึงได้หมดหนทางและมาของให้เนทนั้นไปช่วยปลอบเด็กน้อยที ชายหนุ่มจึงได้เดินเข้าไปที่ห้องเลี้ยงเด็กเพื่อปลอบประโลมลูกรักของเขา และเมื่อณอนได้เห็นพ่อของเขาเดินเข้ามาในห้องและเล่นกับเขา เด็กน้อยจึงได้หยุดร้องไห้ในทันที เหลือแต่เสียงหัวเราะชอบใจที่ดังเอิ๊กอ๊ากให้ผู้เป็นพ่อที่ได้ยินนั้นมีความสุข และนอร่าที่เดินตามเนทมาเพื่อปลอบลูกก็ได้เห็นความอบอุ่นของพ่อกับลูก เธอจึงพูดแซวอีกครั้งหนึ่งว่า เหล่าชายหนุ่มที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอตอนนี้กำลังทำอะไรกันอยู่เอ่ย? และนอร่าได้แนะนำเนทอีกว่า ให้เขาลองหมุนเครื่องเล่นรูปเครื่องบินที่ห้อยอยู่ตรงเปลเด็กดู เพราะณอนนั้นชอบสิ่งนี้มาก


เนทลองทำตามคำแนะนำของภรรยา ปรากฎว่าเป็นดังที่นอร่าพูดจริงๆ เพราะณอนที่ได้เห็นเครื่องเล่นนั้นก็หัวเราะชอบใจใหญ่ และเมื่อนอร่าที่ได้เห็นลูกน้อยของเธอมีความสุขดีแล้ว เธอจึงได้พูดกับเนทไปว่า วันนี้นั้นเป็นวันที่อากาศดี หลังจากที่พวกเราทานอาหารเช้ากันแล้ว เราควรจะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะกันบ้างไหม?

ทางด้านเนทที่เขาไม่มีโปรแกรมอะไรในช่วงเช้าแล้วก็ได้ตอบกลับไปว่าเขาเองก็อยากไปเหมือนกัน และการไปสวนสาธารณะพร้อมครอบครัวนี้ก็ท่าทางน่าจะสนุกน่าดูเสียด้วย

แต่ก่อนที่จะได้เตรียมการอะไรไปมากกว่านั้น คอสเวิร์ดที่อยู่ในห้องนั่งเล่นก็ได้ตะโกนเรียกเจ้านายของเขาให้ออกมาดูรายการอะไรบางอย่างที่อยู่ในทีวีชุดใหญ่ เนทจึงได้ออกไปตามที่คอสเวิร์ดว่า และนอร่าเองก็ได้เดินอุ้มณอนไว่้ในอ้อมกอดด้วยแบบติดๆ

ซึ่งรายการที่คอสเวิร์ดเรียกให้เจ้านายของตนมาดูนั้น ก็เป็นรายการด่วนพิเศษจากทางรัฐบาล ผู้สื่อข่าวทางโทรทัศน์ในรายการนั้นได้แสดงท่าทีที่เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด และเขาเองก็ได้ประกาศออกมาว่าระเบิดนิวเคลียร์ที่ถูกยิงโดยประเทศจีนได้ถูกยิงลงไปยังเมือง New York และเมือง Philadelphia แล้ว และอีกลูกหนึ่งกำลังจะยิงลงที่เมือง Boston ที่ครอบครัวของเนทนั้นได้อยู่ในไม่ช้านี้เช่นกัน และเมื่อผู้สื่อข่าวรายงานจบ รายการทางทีวีก็ถูกตัดขาดไปทันที เป็นอันรู้กันแล้วว่า สงครามนิวเคลียร์นั้นได้เกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอน

สงสัยดวงด้านของใหม่ของเนทจะแรง เพราะที่หลบภัยใน Vault ที่เขาเพิ่งซื้อมานั้นกำลังจะได้ใช้ในไม่ช้านี้ เสียงไซเรนประกาศสงครามดังระงมไปทั่วเมือง เนทจึงได้วิ่งนำทางและสั่งให้นอร่าที่กำลังอุ้มณอนอยู่นั้นรีบวิ่งตามมาทันที และด้วยตามกฎของบริษัท Vault-Tec แล้ว หุ่นยนต์จะไม่ได้รับอนุญาติให้เขาไปที่ Vault ด้วย พี่ Codsworth เลยต้องถูกทิ้งไว้ให้ยอมรับชะตากรรมของเขาอยู่ที่บ้าน


เมื่อเนทวิ่งไปยังหน้าทางเข้า Vault 111 แล้วก็จะได้พบว่ามีคนของหน่วยทหาร U.S. Army หรือกองทัพบกสหรัฐ ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ยืนคัดกรองผู้คนอยู่ แถมรอบๆทางเข้าที่หลบภัยก็มีเหล่าผู้คนที่มาจากระแวกบ้านใกล้เรือนเคียงยืนรอขอความช่วยเหลือกันอยู่มากมายเลยด้วย และพี่ทหารที่เขายืนเฝ้าทางเข้าที่หลบภัยอยู่นั้น เขาจะกำลังยืนโต้เถียงกันกับตัวแทนของบริษัท Vault-Tec คนเดียวกันกับที่เสนอที่หลบภัยใน Vault 111 ให้แก่ครอบครัวของเนทอยู่ และบอกว่าพี่ตัวแทนการขายนั้นไม่มีสิทธิที่จะได้เข้า Vault ทั้งๆที่เขานั้นเป็นพนักงานโดยตรงจากบริษัท Vault-Tec และเมื่อเห็นว่าตนไม่สามารถเถียงชนะทหารได้ พี่ตัวแทนการขายจึงวิ่งกลับไปอีกทางหนึ่งและตะโกนไล่หลังออกมาว่าเขาจะรายงานเรื่องนี้แก่บริษัทอย่างแน่นอน

ด้วยเวลาที่กระชั้นชิด เนทจึงได้กล่าวกับทหารเจ้าหน้าที่คนนั้นไปว่าครอบครัวของเขานั้นควรจะมีรายชื่อในผู้ที่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปหลบภัยในนั้นได้ ทหารเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจรายชื่อและอนุญาติให้ครอบครัวของเนทเข้าไปยัง Vault 111 ได้แต่โดยดี และเมื่อวิ่งพ้นด่านตรวจมาแล้วก็จะมีผู้รักษาความปลอดภัยของ Vault เดินนำทางครอบครัวของเนทไป และส่งให้พวกเขาเข้าไปยืนยังแท่นแพลตฟอร์มที่จะนำพาเหล่าผู้มีสิทธิ์ให้ลงไปยัง Vault ให้ทันก่อนที่ระเบิดนิวเคลียร์จะลง และเนทก็ได้พูดปลอบแก่ภรรยาของเขาไปว่า พวกเขาจะต้องปลอดภัยจากสงครามในครั้งนี้แน่นอน และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขานั้นก็เป็นห่วงในตัวลูกและภรรยามากกว่าตัวของเขาเสมอ

เพียงแค่ช่วงเวลาไม่กี่วินาทิก่อนที่แท่นแพลตฟอร์มจะถูกควบคุมให้ลงไปยังที่หลบภัย บนท้องฟ้าก็มีแสงจ้าขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงดังและเมฆรูปเห็ดที่คลุ้งกระจายไปทั่ว เป็นสัญญาณว่าระเบิดนิวเคลียร์ได้ถูกยิงลงมาในพื้นที่ของเมืองบอสตันเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ของ Vault-Tec จึงได้ทำการควบคุมให้แท่นแพลตฟอร์มลงไปยังใต้ดินเพื่อนำพาเหล่าผู้คนที่รอดชีวิตลงไปยัง Vault 111 ในทันที ก่อนที่พวกเขาจะได้รับความเสียหายจากสงครามนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นแล้วไปด้วย


หลังจากที่แท่นแพลตฟอร์มของที่หลบภัยพาเหล่าผู้คนที่รอดชีวิตจากระแวก Sanctuary Hills และ Concord ให้ลงไปยังชั้นใต้ดินแล้ว เนทและเหล่าผู้รอดชีวิตคนอื่นๆก็ได้ถูกคัดกรองเลือกให้เข้าผ่านไปยังพื้นที่ด้านในอีกทีโดยเจ้าหน้าที่ของ Vault-Tec และ Overseer ผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดใน Vault

เนื่องจากผู้รอดชีวิตที่ลงมาใหม่นี้เพิ่งผ่านเหตุการณ์ระทึกขวัญอย่างการที่ระแวกบ้านพักอันแสนสุขของพวกเขาถูกนิวเคลียร์ลงถล่มไปต่อหน้าต่อตา จึงทำให้มีชาวบ้านหลายคนที่ค่อนข้างจะวิตกกังวลในชีวิตที่ต่อจากนี้ที่จะต้องเปลี่ยแปลงไปอย่างมหาศาล ทาง Overseer จึงได้ทำการพูดปลอบขวัญไปว่า ต่อจากนี้ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว เพราะทาง Vault 111 นี้จะให้บ้านใหม่และชีวิตใหม่ที่อยู่ใต้ดินแก่พวกคุณเอง

เมื่อแน่ใจว่าตนเองและเหล่าสมาชิกในครอบครัวนั้นปลอดภัยแล้วแน่นอน เนทจึงเดินนำเป็นตัวอย่างให้แก่คนอื่นๆไปก่อน เขาเข้ารับการคัดกรองตรวจหาสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย และก็ได้รับแจกชุดเครื่องแบบของ Vault ที่เป็นชุดสีน้ำเงินสดคาดสีเหลือง หรือชุด Vault 111 jumpsuit มาจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งชุดนี้นั้นจะถูกปรับให้เข้ากับสรีระร่างกายของผู้สวมใส่ จึงมั่นใจได้ว่าใส่ได้ไม่อึดอัดและมีความสะดวกสะบายตัวแน่นอน และเนื่องจากว่าตัวของเนทเองนั้นก็ประหม่า เขาจึงได้พูดสอบถามไปกับทางเจ้าหน้าที่ต่อว่าจะให้ทำอะไรต่อ ทางเจ้าที่ๆเนทได้ทำการพูดสอบถามด้วยนั้นจึงได้แนะนำให้เขาเดินตามด๊อกเตอร์ที่เป็นหนึ่งในพนักงานของ Vault-Tec ไป เพราะเดี๋ยวเขาจะแนะนำแนวทางทุกอย่างให้แก่ครอบครัวของเนทเอง


ด๊อกเตอร์คนนั้นจึงได้พูดขอให้เนทและนอร่าที่อุ้มณอนไว้อยู่เดินตามเขามาได้เลย เดี๋ยวเขาจะนำทางให้เอง ซึ่งระหว่างที่เดินตามด๊อกเตอร์ไป เนทได้สังเกตว่าภายในที่หลบภัยแห่งนี้นั้นได้มีสมาชิกหน้าใหม่คนอื่นๆเข้ามาอยู่ก่อนหน้าทีมผู้รอดชีวิตของเขาอีก และเหล่าผู้รอดชีวิตคนอื่นๆก็ดูเหมือนกังวลและมีความหวาดกลัวต่อบ้านใหม่ของพวกเขาไม่แห้กัน ดังนั้นพนักงานของ Vault-Tec จึงได้พยายามที่จะสร้างความมั่นใจให้แก่พวกผู้รอดชีวิตด้วยการสาธยายคุณสมบัติของสิ่งอำนวยความสะดวกชนิดต่างๆที่อยู่ใน Vault 111

และนอร่าเองก็ดูเหมือนจะกังวลเช่นกัน เธอชวนเนทคุยและให้เขาดูสภาพของที่หลบภัยแห่งนี้ และด๊อกเตอร์คนที่นำทางพวกเขาก็ได้บอกมาว่าเนทและครอบครัวของเขาจะต้องชื่นชอบที่นี่แน่นอน เพราะที่ Vault 111 แห่งนี้นั้นมีเทคโนโลยีที่แตกต่างจากที่หลบภัยที่อื่นอยู่

เมื่อเดินตามด๊อกเตอร์ไปถึงยังที่หมาย เนทก็ได้พบว่าภายในห้องที่เขายืนอยู่นี้นั้นมันเต็มไปด้วยตู้ที่มีรูปร่างแปลกๆ สภาพเหมือนตู้แช่แข็งหรืออะไรสักอย่าง และภายในตู้นั้นก็มีที่นั่งเป็นนัยว่าสามารถให้มนุษย์เข้าไปอยู่ได้ อีกทั้งยังมีพนักงานที่เป็นแพทย์ของ Vault-Tec อยู่เต็มไปหมด ซึ่งด๊อกเตอร์คนที่นำทางให้แก่เขานั้นก็คงจะเห็นว่าลูกบ้านครอบครัวใหม่นี้ต้องฉงนสงสัยอย่างแน่นอน ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นคืออะไร เขาจึงได้อธิบายกับเนทไปว่า เจ้าตู้รูปร่างประหลาดแห่งนี้ มันคือห้องที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการปกป้องไม่ให้เหล่าผู้คนปนเปื้อนจากความเสียหายที่มาจากระเบิดนิวเคลียร์ เมื่อพูดจบ ด๊อกเตอร์ก็สั่งให้เนทนั้นเปลี่ยนชุดเสื้อยืดที่ตนเองสวมใส่อยู่ให้เป็นชุดจัมป์สูท (เปลี่ยนตรงนี้เลยเรอะ!) และเข้าไปยังห้องนิรภัยเล็กๆที่ดูแปลกตานั้นได้เลย

เนทเชื่ออย่างหมดใจ เขาหยิบชุดจัมป์สูทมาเพื่อที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ทว่าทันใดนั้นหนูน้อยณอนที่ถูกอุ้มอยู่ในอ้อมกอดของนอร่านั้นกลับตะเบ็งเสียงร้องไห้ออกมาอย่างชุดใหญ่ นอร่าได้แต่พูดปลอบขวัญหนูน้อยว่าพ่อของเขายังไม่ได้ไปไหน เนทยังคงอยู่ใกล้ๆกับณอนด้วย และด้วยความที่เนทเองก็ห่วงลูกเหมือนกัน เขาจึงได้ช่วยนอร่าปลอบณอนด้วยการบอกกับเด็กชายว่า เขาจะไม่ไปไหนไกลหรอกป๊ะป๋าอยู่ตรงนี้และจะอยู่ข้างลูกเสมอ

หนูน้อยณอนที่ได้เห็นพ่อมาปลอบแล้วก็เกิดความอุ่นใจขึ้น และผล็อยหลับไปอีกครั้งในอ้อมกอดของนอร่า แต่ทว่าก็มีมารผจญอีกครั้งเมื่อด๊อกเตอร์เจ้าเดิมเร่งเนทให้เปลี่ยนชุดและเข้าไปให้ห้องนิรภัยเร็วๆ เนทจึงได้ถามนอร่าเป็นครั้งสุดท้ายว่าทุกอย่างโอเคดีแล้วรึยัง เธอจึงได้ตอบกลับเนทมาว่าให้เขาทำธุระของเขาไปได้เลย เพราะเดี๋ยวเธอจะอุ้มณอนไว้แล้วให้อยู่ห้องเดียวกับเธอเอง


เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เนทจึงได้เปลี่ยนชุดของตนเองให้เป็นชุดจัมป์สูทสีน้ำเงิน ซึ่งในตอนที่สวมชุดนี้เป็นครั้งแรกเขาก็รู้สึกแปลกๆกับชุดเหมือนกัน เขาก้าวขาขึ้นไปในห้องนิรภัยห้องหนึ่ง ส่วนนอร่ากับณอนนั้นก็อยู่อีกห้องหนึ่งต่างหากที่ด้านหน้าห้องของเขา ประตูของห้องนิรภัยถูกปิดลง เนทจึงได้บ่นพึมพำกับตัวเองว่า มันควรจะถึงเวลาสำหรับรอคอยชีวิตใหม่แล้วสินะ?

และด้วยความที่ห้องนิรภัยมีกระจกใสให้มองเห็นภายนอกได้อย่างชัดเจนติดอยู่ด้านหน้า เนทได้เห็นว่านอร่านั้นกำลังเอื้อมือมาสัมผัสที่กระจกด้านหน้าอยู่ เป็นนัยๆว่าเธอเองก็เป็นห่วงในตัวของเนทไม่แพ้กัน แต่เมื่อเข้าไปในห้องนิรภัยได้สักพัก เนทกลับรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหายใจได้ลำบากขึ้นจากความกดอากาศในห้องนิรภัยที่กำลังลดต่ำลงเรื่อยๆ ไม่นานนักก็มีเสียงของระบบคอมพิวเตอร์ดังขึ้นมาว่าระบบของห้องนิรภัยนั้นเสร็จสมบูรณ์ และจะทำการแช่แข็งเร็วๆนี้พร้อมกับมีเสียงอัตโนมัติเริ่มต้นนับเวลาถอยหลังดังขึ้นมา ทันใดนั้นวิสัยทัศน์ของเนทก็กลายเป็นสีขาวทันที เขาและผู้รอดชีวิตคนอื่นๆถูกแช่แข็งให้หลับไปอยู่ในห้องนิรภัยแล้วนั่นเอง

เนทไม่รู้แน่ชัดว่าเขาหลับไปนานเท่าไหร่ แต่เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลอีกครั้งด้วยเสียงของระบบอัตโนมัติ วิสัยทัศน์ในห้องภายนอกนั้นดำมืดไปหมด และเหล่าผู้รอดชีวิตคนอื่นๆก็ยังคงอยู่ในห้องนิรภัยของตัวเองด้วย บวกกับอาการที่เพิ่งตื่นจากการถูกแช่แข็งเลยทำให้สายตาของเนทนั้นค่อนข้างพร่ามัว เขามองไม่ค่อยออกว่าข้างนอกห้องนิรภัยของเขานั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็พอจับใจความได้ประมาณหนึ่งว่า มีบุคคลปริศนาใส่ชุดประหลาดสีเขียวปิดหน้าตาคนหนึ่งที่ฟังจากเสียงแล้วเป็นผู้หญิง มายืนชี้เป้าที่ห้องของนอร่า บอกว่าเป็นห้องนี้ และก็ได้มีผู้ชายหัวล้านสวมชุดสีดำคนหนึ่งที่ดูท่าทางดุดันมาสั่งให้เปิดห้องนิรภัยของนอร่าออก

ประตูห้องนิรภัยของนอร่าถูกเปิดออกอย่างช้าๆ และนอร่าที่พื้นคืนสติแล้วก็ได้ส่งเสียงไอออกมาเสียงดัง เธอสอบถามกับบุคคลปริศนาที่ยืนอยู่ตรงหน้าว่าการที่เธอต้องมาโดนแช่แข็งนี่มันจบลงแล้ว และคนในครอบครัวของเธอจะปลอดภัยใช่ไหม?

ผู้ชายหัวล้านสวมชุดสีดำจึงพูดตอบไปว่า ใช่แล้วล่ะ แล้วทุกอย่างจะไม่เป็นไรแน่นอน บุคคลปริศนาอีกคนที่เป็นผู้หญิงเลยจะขออ้อมแอ้มให้ออกมาจากอ้อมกอดของนอร่า แต่ทว่านอร่ากลับรู้ได้ทันทีว่าคนพวกนี้นั้นไม่น่าไว้ใจ เธอจึงจะไม่ให้ลูกชายของเธอไปให้ใครอุ้มเด็ดขาด สองสตรีจึงทำการยื้อแย่งเด็กทารกกันอย่างสุดกำลัง ผู้ชายชุดสีดำที่ในมือถืออะไรบางอย่างอยู่ในมือจึงได้เอาสิ่งนั้นไปจ่อไว้ที่นอร่า และพูดออกมาว่าปล่อยให้เด็กไปซะ เพราะเขาจะไม่พูดเตือนอีกแล้ว

เนทรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่อยู่ในมือของผู้ชายชุดสีดำนั้นมันคือปืน เขาจึงพยายามที่จะดิ้นรนทุบเคาะห้องนิรภัยของเขาให้เปิดออก แต่ทว่าก็ไม่เป็นผล และนอร่าที่กำลังปกป้องลูกอยู่สุดชีวิตนั้น เธอไม่ได้เป็นห่วงในความปลอดภัยของตัวเองเลย นอร่ายังคงยืนยันและพูดเป็นเสียงแข็งออกมา ว่าเธอจะไม่ห้อแก่ใครเด็ดขาด


เมื่อสิ้นคำพูดของนอร่า ก็ได้มีเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว นอร่าถูกผู้ชายชุดสีดำยิงเข้าที่ศีรษะและเสียชีวิตลงในทันที ร่างกายของเด็กน้ำอ้อยเป็นอิสระจากอ้อมกอดของเธอที่บัดนี้นั้นไม่มีแรงฉุดรั้งอีกแล้ว ส่งผลให้บุคคลปริศนาที่เป็นผู้หญิงได้ตัวของณอนไปในที่สุด และเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ผู้ชายชุดสีดำจึงสั่งให้ผู้หญิงพาตัวเด็กให้ออกไปจากที่นี่ แต่ก่อนที่เขาจะเดินตามไปด้วย ผู้ชายชุดสีดำก็ได้เดินมาที่ห้องนิรภัยของเนท และได้ยื่นหน้ามาใกล้ๆห้องของเขาและพูดใส่เนทว่า "สุดท้ายเราก็เหลือแค่ตัวสำรองคนเดียวสินะ"

เมื่อเขาพูดจบ ผู้ชายชุดสีดำก็ได้เดินจากห้องนิรภัยของเนทไปโดยที่เขาไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้ระบบการแช่แข็งของนิรภัยถูกทำงานอีกครั้ง และทุกอย่างก็จางหายเป็นสีขาวอีกรอบ


หมายเหตุ

- ตัวเอกจะสามารถใช้เวลานานเท่าไหร่ก็ได้ในการเดินทางไปยัง Vault 111 ในช่วงที่เพิ่งประกาศสงคราม แต่ถ้าตัวเอกเกิดเผลอเดินออกไปจากเส้นทางที่เป็นจุดมุ่งหมายที่เกมได้กำหนดเอาไว้เมื่อไหร่ ก็จะทำให้ระเบิดนิวเคลียร์ถูกยิงออกมาและส่งผลให้ตัวเอกเสียชีวิตทันที

- ระหว่างการออกรายการในโทรทัศน์ที่บ้านของตัวเอก ผู้ประกาศข่าวจะกล่าวถึงเรื่องที่ยานยนต์ของหน่วยกองกำลังสหรัฐที่ "Island of Mambajao" และกลุ่มเรือรบที่อยู่ในทะเล Bohol Sea ซึ่งชื่อ Mambajao นั้นคือชื่อเมืองบนเกาะ Camiguin ในประเทศฟิลิปปินส์ และจากจุดนี้ก็จะตีความได้ว่า สหรัฐฯกำลังต่อสู้เป็นแนวหน้าอยู่ที่แปซิฟิก และที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่นั่นเอง

- ในตัวเกมจริง ทหารที่สวมชุด Power Armor ทั้ง 2 คนที่ยืนอยู่หน้าจุดตรวจคน เขาจะสวมชุด T-60 Power Armor ที่ทำสีด้วยลายแบบ Military paint แต่อย่างไรก็ตาม ใน Gameplay trailer พวกเขาจะไม่ได้ใส่ลายเพ้นท์สีนี้

- ในตอนที่ตัวเอกเข้ามายังที่ Vault 111 และระเบิดนิวเคลียร์ก็ได้ถูกยิงลงมาแล้ว ดูเหมือนว่าตัวเอกและผู้รอดชีวิตคนอื่นๆจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยสักนิดเดียว แต่ถ้าหากเป็นเรื่องจริง ร่างกายของพวกเขาจะบาดเจ็บด้วยบาดแผลจากการเผาไหม้ระดับที่ 3 และตาบอดในทันทีจากแสงสว่างในตอนที่ระเบิดนิวเคลียร์ลงไปแล้ว

- เปลนอนของณอนจะเล่นเพลงเดียวกันจากในเควส Baby Steps ที่อยู่ใน Fallout 3

- คำว่า "War, war never changes" ทั้งตัวเอกชายและตัวเอกหญิงจะสามารถไปพูดได้อีกครั้งที่ Fraternal Post 115 โดยการกดสำรวจที่ไมค์

ความคิดเห็น

Recommend