FAR CRY 5 : บทสรุปเควส - Introduction


"Montana... ดินแดนแห่งท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ , รัฐแห่งขุมทรัพย์ เหล่าผู้คนทั่วไปต่างก็ตั้งชื่อให้กับเมืองของเรามากมาย แต่ฉัน... เรียกที่นี่ว่าบ้าน"

เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งพูดดังขึ้นมา ซึ่งหญิงสาวคนนี้นั้นเธอมีผมบลอนด์ที่ยาวสวย ดวงตาสีฟ้าที่กลมโต ใบหน้าที่ผิวพรรณยังสวยสดงดงามบ่งบอกได้ว่าอายุอานามของเธอนั้นยังคงเป็นหญิงสาวคราววัยรุ่นอยู่ เธอสวมเสื้อยืดสีฟ้าที่มีฉลากและยี่ห้อของเครื่องดื่มท้องถิ่นติดอยู่เด่นชัด และชื่อของเธอคือ Mary May Fairgrave (แมรี่ เมย์ แฟเกรฟ) หญิงสาวผู้ที่เป็นเจ้าของบาร์และร้านอาหารแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ในย่าน Fall's End พื้นที่ย่านหนึ่งในเมือง Hope County

"พวกเราอาศัยอยู่ที่นี่มาตลอดชั่วชีวิต แต่ถึงจะอย่างนั้น... พวกเราก็ยังคงตกตะลึงในความงดงามของเมืองนี้อยู่ดีนั่นล่ะ" เสียงของชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยเช่นกัน เขาเป็นชายผิวสีที่ตัดผมสั้น ไว้หนวดเครา อีกทั้งยังสวมแว่นสายตาและสวมชุดสีดำของบาทหลวง ชายคนนี้มีชื่อว่า Jerome Jeffries (เจอโรม เจฟฟรีส์) และแน่นอนว่าเขาเองก็เป็นนักบวชของคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก เป็นเพียงนักบวชคนเดียวที่ยังคงยืนยัดทำหน้าที่ของเขาเองให้ถึงที่สุด


"แต่บางที... สิ่งที่สวยงามเหล่านั้นอาจจะเข้ามาบังตาไม่ให้เราทำเรื่องน่าเกลียดใส่เหล่าผู้คนก็ได้นะ" เสียงของชายหนุ่มอีกคนก็ได้ดังขึ้น คราวนี้เจ้าของเสียงนั้นเป็นชายผิวขาวที่แต่งตัวคล้ายกับนักบิน เขาได้สวมหมวกแก๊ปสีดำโดดเด่นที่ สวมเสื้อกั๊กลายตารางสีแดงทับเสื้อยืดสึดำเข้มอีกที ชายคนนี้มีผมสีน้ำตาลเข้มและผมของเขาก็ได้ยาวลงมาระต้นคอ อีกทั้งเขายังไว้หนวดเคราด้วย ดวงตากลมโตส่องประกายสีฟ้าสดของเขานั้นได้จับจ้องไปยังผู้ที่เขากำลังนั่งคุยอยู่ด้วย ชายคนนี้มีชื่อว่า Nick Rye (นิค ไรย์) ชาวบ้านท้องถิ่นของเมือง Hope County อีกคนที่กำลังช่วยเล่าเรื่องราวเสริมให้แก่แมรี่และเจอโรมที่พวกเขาได้เล่าไปก่อนหน้านี้

เมื่อนิคได้พูดมาถึงตรงนี้ ภาพก็ได้ตัดไปยังภาพวิดีโอที่มีลักษณะเหมือนเป็นการแอบถ่าย เพราะขอบภาพนั้นเอียงจนทำให้เห็นได้แต่มุมภาพด้านล่าง แต่ก็ยังคงเห็นภาพที่ถูกถ่ายได้อย่างชัดเจน และในภาพวิดีโอนั้นก็เผยให้เห็นโบสถ์ศาสนาอะไรสักอย่าง เป็นภาพของกลุ่มคนที่เดินเรียงแถวเข้าไปในโบสถ์ และมีกลุ่มคนติดอาวุธกำลังยืนคุมอยู่


"คุณไม่เข้าใจหรอก เอาจริงๆนะ ไม่มีใครเขาอัญเชิญไอ้เจ้าพวกนั้นให้มาที่นี่ซะหน่อย" เจอโรมยังคงเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของเขาต่อไป แต่ในตอนนี้เขากลับทำสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาแล้ว

"ไอ้เจ้าพวกนี้มันต่างออกไป เหมือนพวกเคร่งศาสนา พวกที่ชอบใช้กำลังความรุนแรง เหมือนพวกลัทธิห่าเหวอะไรสักอย่าง" นิคเองก็ช่วยพูดเสริมความตึงเครียดเข้ามาอีกหย่อม

ในตอนนั้นเอง ภาพก็ได้ตัดกลับมายังที่คลิปวิดีโอที่ถูกแอบถ่ายไว้ กลุ่มคนติดอาวุธคนหนึ่งได้ทำการปิดประตูของโบสถ์ลง

"การล่มสลายกำลังจะเกิดขึ้นแล้วนะ... ลูกรัก" ภายในโบสถ์ที่ดูแออัดและมืดสลัว กลับมีเสียงของชายคนหนึ่งพูดดังขึ้นมา ราวกับว่าเขากำลังเป็นแกนกลางของการชุมนุมครั้งนี้ เพราะเหล่าผู้คนในโบสถ์นั้นล้วนแต่ก็เงียบและนั่งฟังชายคนั้นพูดทั้งสิน

"ในตอนแรก พวกมันก็เริ่มกวานซื้อฟาร์มกับที่ดินเท่าที่จะหาได้ ซื้อยันกระทั่งสถานีวิทยุ ไม่นานหลังจากที่มันได้ของที่มันต้องการไป พวกแม่งก็ดันทำตัวเป็นตำรวจท้องถิ่นไปซะเองเฉยเลย" แมรี่เองก็ยังคงเล่าเรื่องราวต่างๆในมุมมองของเธอบ้าง แม้เนื้อหาของเรื่องที่เล่าจะต่างออกไป แต่ในตอนนี้เธอเริ่มใส่อารมณ์ในการเล่าได้ไม่ต่างไปจากเจอโรมและนิค


"พวกมันเริ่มสร้างรัฐอธิปไตยทางศาสนาด้วยตัวของพวกมันเอง สร้างขึ้นที่นี่เลยล่ะ ใต้จมูกของพวกเราเลย" เจอโรมพูดเสริม

"ไม่มีใครอยากจะเข้ามาช่วยเราหรอก" นิคเว้นจังหวะการพูด "รัฐบาลก็ทำห่าอะไรกับพวกแม่งไม่ได้ เราต้องหาทางเอาตัวรอดกันด้วยตัวเองเนี่ย"

ภาพได้ตัดไปยังคลิปวิดีโอที่ถูกแอบถ่ายอีกครั้ง คราวนี้กล้องได้จับภาพไปยังเจ้าของเสียงที่พูดเทศนาให้แก่ผู้คนในโบสถ์อยู่ได้แล้ว เจ้าของเสียงที่พูดนี้เป็นชายหนุ่มผิวขาวร่างสูงที่สวมชุดสูทสีเทาเข้ม เขาสวมแว่นกันแดดเลนส์โตสีเหลืองที่มันดูเด่นชัดขึ้นเมื่อประทะเข้ากับแสงแดดนิดๆที่สาดส่องเข้าไปในตัวโบสถ์ หนวดเคราและผมสีน้ำตาลที่ไว้ยาวของเขาถูกรวบและมัดอย่างเรียบร้อยไว้ด้านหลังของศรีษะยิ่งทำให้เขาดูเด่น 

"พระเจ้าต้องการให้เราช่วยเหลือเหล่าดวงวิญญาณที่น่าสงสารเหล่านั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าพวกเขาจะต้องการความช่วยเหลือรึไม่ก็ตาม" ชายคนนี้ได้พูดไปพลางยกมือขึ้นมาประกอบการพูดของเขาด้วย

"ผู้คนไม่ต้องการที่จะหลงเชื่อไปในคำสอนของลัทธินี้หรอก" ภาพตัดมายังแมรี่ที่ไยังคงพูดเรื่องราวต่อขึ้นอีกครั้ง


"จนผู้คนเริ่มที่จะหวาดกลัวพวกมันกันไปหมดแล้วล่ะ" นิคพูดเสริม แต่ในระหว่างที่พูด เขาก็กลอกตาไปมาด้วย

"...แต่ก็มีบางคนที่อยากจะทำร้ายพวกเรา มีบางคน... ที่อยากจะทำลายในสิ่งที่พวกเราสร้างร่วมกัน..." ภาพได้ตัดไปแสดงภาพจากในคลิปวิดีโออีกครั้ง และหลังจากที่ชายเจ้าของเสียงพูดจบประโยคชุดแรก ผู้ที่เป็นคนตั้งกล้องถ่ายคลิปนี้ก็ได้ทำการปรับภาพซูมเข้าไปที่ใบหน้าของชายที่พูดอยู่เพื่อให้เห็นภาพใบหน้าของเขาได้ชัดๆ

"และมีใครบางคน... ที่คิดจะทรยศพวกเรา..."


เมื่อพูดจบ ชายในแว่นกันแดดสีเหลืองก็ได้หันสายตาของเขาอย่างช้าๆมาจับจ้องยันเจ้าของกล้องที่กำลังแอบถ่ายอยู่พอดี เป็นอันรู้กันว่าเขานั้นรู้ตัวแล้วว่าได้มีผู้ที่กำลังจะจาบจ้วงเขา ไม่นานนัก เจ้าของกล้องก็ได้ถูกจับกุมตัวจนทำให้กล้องที่เขามีอยู่นั้นหล่งลงพื้น แต่ทว่าตัวกล้องนั้นก็ยังคงจับภาพที่มันสามารถมองเห็นได้อยู่ต่อไป ภาพได้เผยต่อให้เห็นอีกว่า ชายที่ทรยศนั้นได้ถูกจับตัวให้ไปนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าชายที่สวมแว่นกันแดดแล้ว

"พวกเราไม่สนใจหรอกนะว่ามันสามารถทำอะไรได้บ้าง... ใครน่ะเหรอ? ก็หัวหน้าใหญ่ของพวกมันน่ะสิ" เจอโรมกล่าวขึ้นอีกครั้ง

"ชื่อของมันคือ Joseph Seed (โจเซฟ ซีด)" นิคกล่าวตาม


"พวกมันเรียกเขากันว่า คุณพ่อ น่ะนะ" แมรี่ช่วยพูดสริมอีกแรง

"เหล่าผู้คนที่อยู่ในโลกภายนอกนั้นตาก็ตามืดบอดกันไปหมดนั่นล่ะ" ภาพได้ตัดกลับมายังภาพจากกล้องวิดีโออีกครั้ง คราวนี้ตัวภาพได้เผยให้เห็นว่าชายผู้ที่เป็นเจ้าของกล้องนั้นได้ถูกจับมัดมือไขว้หลังเอาไว้ และเขากำลังนั่งคุกเขาอยู่กลางโบสถ์ โดยมีชายติดอาวุธคนหนึ่งยืนคุมอยู่ และด้านหน้าของเขานั้น ชายในแว่นกันแดดสีเหลือง หรือโจเซฟนั้นก็กำลังเดินเข้ามาหาชายผู้ที่เป็นเจ้าของกล้องอยู่ "พวกเขาไม่มีความเชื่อ พวกเขาไม่มีความศรัทธา" โจเซฟกล่าวพลางเอามือทั้งสองข้างเข้ามาโอบแก้มของชายผู้ที่เป็นเจ้าของกล้อง


"ชู่ว์ว์ว์ว์... เดี๋ยวฉันจะทำให้พวกเขาได้เห็นเอง" เมื่อพูดจบ โจเซฟก็ได้เลื่อนมือของเขาขึ้นมาในระดับดวงตาของชายผู้ที่เป็นเจ้าของกล้อง ในทันใดนั้นเขาก็ได้ใช้นิ้วโป้งจากมือของเขาทั้งสองข้างกดลงไปในดวงตาของชายผู้ทรยศในทันที ส่งผลให้ชายผู้ที่เป็นเจ้าของกล้องร้องด้วยความเจ็บปวดดังระงมไปทั่ว เมื่อลงโทษจนสาแก่ใจและทำให้คนทรยศคนนั้นได้ซึ้งในคำสอนแล้ว โจเซฟก็ได้เหวี่ยงร่างของชายผู้ที่ทรยศทิ้งให้นอนลงกับพื้นในทันที สักพักเขาก็ได้ยกมือทั้งสองข้างของเขาที่บัดนี้โชกไปด้วยเลือดให้สูงขึ้นเหนือศีรษะ เป็นการให้พรแก่ทุกคนที่เคารพเขาที่อยู่ภายในโบสถ์นั้นเอง

และภาพจากคลิปวิดีโอนั้นก็ถูกตัดไป

To be continued

ความคิดเห็น

Recommend